1.3 หุ้นสามัญของบริษัทสยามเหล็กรีดเย็นครบวงจร จำกัด (มหาชน)
จำนวนหุ้น 264 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 66 ล้านหุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวม 3,300 ล้านบาท โดยคณะ
กรรมการฯ ได้กำหนดเงื่อนไขการรับหลักทรัพย์ ดังนี้
- กำหนดจำนวนการห้ามขายหุ้นของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่
เป็นจำนวนรวมกันเท่ากับร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้ว
(3,300 ล้านบาท) จนกว่าบริษัทจะมีการลงทุนครบตามต้นทุน
โครงการ และมีรายได้เชิงพาณิชย์จากการประกอบธุรกิจครบ 1 ปี
- เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
+ กำหนดให้ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารหลักของบริษัท ได้แก่ นายสม
ศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รับรองต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ว่าจะไม่ประกอบธุรกิจผลิตนำเข้าและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีด
เย็นใด ๆ ที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของบริษัทภายใต้การดำ
เนินงานของบริษัทอื่น นอกจากบริษัทสยามเหล็กรีดเย็นครบวง
จร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
+ กำหนดให้บริษัทรับรองว่ารายการธุรกรรมระหว่างบริษัท
กับบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือกรรมการ หรือ
ผู้บริหาร จะเป็นไปตามราคาตลาด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้
กับรายการที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกและ ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้น
รายย่อยเสียผลประโยชน์ โดยให้กรรมการอิสระของบริษัท
เป็นผู้ดูแลรายการดังกล่าว พร้อมทั้งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ
รายการดังกล่าว และรายงานในงบการเงินประจำปี
- กำหนดให้บริษัทแก้ไขและ Update ข้อมูล ตลอดจนเปิดเผยข้อ
มูลให้ผู้ลงทุนได้ทราบในหนังสือชี้ชวนของบริษัทในประเด็นต่าง ๆ
ดังนี้
+ พิจารณาแก้ไขนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระบุว่าบริษัทจะเริ่ม
จ่ายเงินปันผลตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นไป เนื่องจากในปี
2542 บริษัทยังมีการขาดทุนสะสมอยู่ ซึ่งไม่น่าจะสามารถจ่าย
เงินปันผลได้
+ Update เงื่อนไขการกู้ยืมเงินและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้มา
จากสถาบันการเงินต่างประเทศล่าสุด ตลอดจน Update
ประมาณการความต้องการ และกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีด
เย็นในอนาคต และให้ Verify โดยผู้จัดทำรายงานการ
ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
+ เปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนทราบที่มาของการคำนวณ Terminal
Value ในรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
- กำหนดให้บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมและของ
โครงการ และเปิดเผยเพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบอย่างชัดเจน
โดยให้นำเสนอแยกเป็นส่วนพิเศษเพิ่มเติมในหนังสือชี้ชวน
ของบริษัทในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
+ ความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและอัตรา
แลกเปลี่ยนพร้อมทั้งให้จัดทำ Sensitivity Analysis สำ
หรับกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงลดลงจากข้อสมมติฐานใน
ประมาณการ
+ ความคืบหน้าของโครงการและความเสี่ยงจากความล่าช้า
ของโครงการ
- กำหนดให้บริษัทรายงานความคืบหน้าของโครงการ และการใช้
เงินทุนทุกไตรมาสภายใน 45 วัน นับจากวันสิ้นไตรมาส พร้อมกับ
การนำส่งงบการเงินรายไตรมาสของบริษัท จนกว่าโครงการจะ
สามารถเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์
- ให้บริษัทดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนให้แล้วเสร็จภายใน
3 เดือน นับแต่วันที่ตลาดหลักทรัพย์แจ้งผลการพิจารณาให้
บริษัททราบ และบริษัทจะต้องได้รับอนุมัติ EIA Report เป็นที่
เรียบร้อยก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะอนุมัติรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
และเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ หากในช่วง
เวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์ใดที่เป็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ
การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน
ของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาลักษณะของหลักทรัพย์และ
คุณสมบัติของบริษัทในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เสมือนหนึ่งในบริษัทที่ยื่นคำขอใหม่
2. มีมติให้ขยายเวลาผ่อนผันอัตรา Maintenance Margin
ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2539 ได้มีมติให้ขยายเวลาการผ่อนผัน Maintenance Margin ใน ส่วนของอัตราที่ต้องเรียกหลักประกันเพิ่มที่เท่ากับร้อยละ 25 และอัตราที่ต้องบัง คับขายที่เท่ากับร้อยละ 15 โดยให้ขยายเวลาออกไปอีกถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539 เท่านั้น
เนื่องจากในปัจจุบันอัตราหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ที่กำหนดไว้ ณ ที่ระดับร้อยละ 40 ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง จึงเห็นควรให้ผ่อนผันอัตรา ที่ตัองเรียกหลักประกันเพิ่มเท่ากับร้อยละ 25 และอัตราที่ต้องบังคับขายเท่ากับ ร้อยละ 15 โดยให้ขยายเวลาการผ่อนผัน ดังกล่าวออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 มิ ถุนายน 2540
3. แนวทางดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่ อยู่ในข่ายถูกเพิกถอนและได้รับผ่อนผันให้ขยายเวลานำส่งแผนดำเนินการ
คณะกรรมการการตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2539 ได้อนุมัติผ่อนผันระยะเวลาการส่งแผนดำเนินการให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน ข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ดังนี้
- บริษัทจดทะเบียนที่มีรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 31 ธันวาคม
2538 ให้นำส่งแผนดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2539
- บริษัทจดทะเบียนที่รอบระยะเวลาบัญชี สิ้นสุดหลังวันที่ 31 ธันวา
คม 2538 ให้นำส่งแผนดำเนินการไม่เกิน 1 ปี นับจากวันสิ้น
สุดรอบระยะเวลาบัญชี หากครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วบริษัท
ไม่สามารถนำส่งได้ให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการเพื่อให้มีการ
เพิกถอนบริษัทดังกล่าวต่อไปนั้น
คณะกรรมการการตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2539 ได้พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการในกรณีบริษัทจดทะเบียนไม่สามารถนำส่ง แผนดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2539 หรือภายในกำหนดเวลาที่ได้รับผ่อน ผัน ให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการดังนี้ (ยังมีต่อ)
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม "Happy Money Sharing: Financial Well-Being Journey 2025" จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในองค์กร แก่ผู้แทนองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั้งหมด 28 องค์กร ให้สามารถไปปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กร สมาชิกในชุมชน หรือประชาชนทั่ว
ก.ล.ต. เผยแพร่เกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน หรือสิ่งแวดล้อม โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่...
กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--กทม. เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.43) เวลา 09.00 น. บริเวณห้าแยก ณ ระนอง หน้าโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดสะพานลอยคนเดินข้าม “เฉลิมฉลอง 72 พรรษา องค์ราชัน” โดยมี นายบพิธ แสงแก้ว ผู้อำนวยการ...
1.3 หุ้นสามัญของบริษัทสยามเหล็กรีดเย็นครบวงจร จำกัด (มหาชน) จำนวนหุ้น 264 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 66 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวม 3,300 ล้านบาท โดยคณะ กรรมการฯ ได้กำหนดเงื่อนไขการรับหลักทรัพย์ ดังนี้...