องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย เดินหน้าโครงการรณรงค์ระดับโลก Because I am a Girl
ศุกร์ 18 ตุลาคม 2556 เวลา 15:48 น.
กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย เดินหน้าโครงการรณรงค์ระดับโลก Because I am a Girl หรือ เพราะฉันคือเด็กผู้หญิงพร้อมเผยผลงานวิจัยเรื่อง“ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กหญิง”
องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย สานต่อโครงการ เพราะฉันคือเด็กผู้หญิง (Because I am a Girl หรือ BIAAG) ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ระดับนานาชาติที่ดำเนินการมาแล้วกว่า 5 ปี โดยมุ่งสนับสนุนให้เด็กหญิงนับล้านคนทั่วโลกได้รับการศึกษาและมีทักษะการใช้ชีวิต ตลอดจนได้รับความช่วยเหลืออื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาชีวิตของตนและสังคมแวดล้อมให้ดีขึ้น พร้อมเปิดเผยผลวิจัยล่าสุดเรื่อง “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กหญิง”ที่สำรวจในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ โดยพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีผลกระทบต่อสิทธิเด็กขั้นพื้นฐาน 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิในชีวิตและการอยู่รอด สิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิในการพัฒนา และสิทธิในการมีส่วนร่วม
นางมหา คิวบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย เปิดเผยว่า ความแปรปรวนของอุณหภูมิและสภาพอากาศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภัยแล้ง อุทกภัยและวาตภัยได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยในประเทศไทยมีรายงานว่าอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียสตั้งแต่ปีพ.ศ. 2524 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1-2 องศาเซลเซียสภายในปีพ.ศ. 2573ดังนั้นโครงการรณรงค์ Because I am a Girl ในปีนี้ องค์การแพลนฯ (สำนักงานประเทศไทย) จึงได้เน้นศึกษาเรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กหญิง และมุมมองของเด็กต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ครอบคลุมถึงการวิเคราะห์ว่ามีมาตรการใดบ้างที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ควรดำเนินการเพื่อช่วยให้เด็ก โดยเฉพาะเด็กหญิงให้สามารถรับมือกับผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ และมีมาตรการใดบ้างที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กสามารถเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ตลอดจนเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวให้กับชุมชน
ทั้งนี้ งานวิจัยในหัวข้อ “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กหญิง”ได้นำแนวทางการวิจัยแบบมีส่วนร่วมและเป็นมิตรกับเด็กมาใช้เพื่อให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ร่วมกัน ตลอดจนเรียนรู้วิธีการปรึกษาหารือกับเพื่อน ครอบครัว และสมาชิกในชุมชนด้วย โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 99 คน (ผู้ใหญ่ 51 คนและเด็ก 48 คน) จากอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อสิทธิเด็กขั้นพื้นฐาน 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิในชีวิตและการอยู่รอด สิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิในการพัฒนา และสิทธิในการมีส่วนร่วม
1. ในเรื่องสิทธิในชีวิตและการอยู่รอด พบว่าภัยธรรมชาติส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเด็กในพื้นที่ห่างไกลคือ เด็กมีแนวโน้มจะมีปัญหาสุขภาพในระหว่างเกิดภัยธรรมชาติที่เป็นผลสืบเนื่องจากสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติและลดความเสี่ยงมักมีแนวโน้มเปิดโอกาสให้ผู้ชายและเด็กชายมีส่วนร่วมมากกว่าผู้หญิงและเด็กหญิง ทั้งๆ ที่ผู้หญิงและเด็กหญิงมักมีหน้าที่จัดการงานในบ้านและดูแลเรื่องอาหารการกิน ดังนั้น การให้ข้อมูลและฝึกปฏิบัติสำหรับกลุ่มผู้หญิงและเด็กหญิงในเรื่องการเตรียมพร้อมสำหรับครัวเรือนก็จะช่วยเพิ่มการปกป้องคุ้มครองเด็กจากภัยธรรมชาติที่เป็นผลสืบเนื่องจากสภาพภูมิอากาศได้มากขึ้นด้วย
2. ในเรื่องสิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง ผลการศึกษาพบว่า เด็กมักไม่ทราบว่าตนเองควรได้รับการปกป้องคุ้มครองทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างเหตุภัยพิบัติมักมีความเสี่ยงใหม่เกิดขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงที่มีอยู่เดิมก็มักเพิ่มขึ้นด้วย ผู้ใหญ่ต้องดูแลให้เด็กปลอดภัยในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงทุกกรณี โดยครูและผู้นำชุมชนควรมีความรู้เฉพาะทางเรื่องกระบวนการปกป้องคุ้มครองเด็กระหว่างเหตุการณ์ฉุกเฉิน และต้องสนับสนุนให้เด็กพูดถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่อตัวเด็กและความรู้สึกของตนหลังเกิดเหตุภัยพิบัติ
3. ในเรื่องสิทธิในการพัฒนา พบว่าเด็กมิได้เรียนรู้หรือได้รับความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และวิธีการที่เหมาะสมในการเตรียมตัวรับมือและปรับตัวกับภัยธรรมชาติเลย แต่เด็กสนใจจะเรียนรู้ว่าจะป้องกันตนเองได้อย่างไรเมื่อเกิดภัยพิบัติ และต้องการเข้าใจว่าจะรับมือกับปรากฎการณ์สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นโรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมในประเด็นที่หลากหลายเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมกับชุมชนในวงกว้าง เช่น การเตรียมถุงยังชีพ การซ้อมอพยพ การฝึกทักษะการยังชีพ โดยกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับเด็กในลักษณะนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และทำให้เกิดความสนุกและให้ความรู้ไปพร้อม ๆ กัน
4. ในเรื่องสิทธิในการมีส่วนร่วม เด็กส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมในการวิจัยครั้งนี้มีโอกาสในการมีส่วนร่วมกับชุมชนน้อยมาก โดยปรกติแล้ว การมีส่วนร่วมของเด็กมักอยู่ในลักษณะการทำงานตามที่ผู้ใหญ่กำหนด สั่ง และควบคุมมากกว่า อย่างไรก็ตาม ครูและผู้ใหญ่ในชุมชนอาจช่วยสนับสนุนเด็กโดยเปิดโอกาสให้เด็กเข้ามาเป็นสมาชิกของคณะทำงานหรือคณะกรรมการด้านการเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ตลอดจนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ได้
“ผลวิจัยสะท้อนว่าการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเด็กและเด็กหญิงเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเตรียมตัวรับมือและป้องกันคนกลุ่มนี้จากความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ซึ่งการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อผู้ใหญ่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของเด็กและให้โอกาสเด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหลายวิธีที่เด็กหญิงจะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ด้วยการช่วยระบุความเสี่ยง ตลอดจนหาแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการรับมือ ความเคารพตนเอง และความมั่นใจของเด็กและทำให้พวกเธอกลายเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีบทบาทสำคัญในชุมชนในการช่วยชีวิตและช่วยให้สมาชิกในชุมชนสามารถปรับตัวกับภัยพิบัติและปัญหาอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้นั่นเอง” นางมหา กล่าวสรุป
-นท-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย สานต่อโครงการ เพราะฉันคือเด็กผู้หญิง (Because I am a Girl หรือ BIAAG) ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ระดับนานาชาติ โดยมุ่งสนับสนุนให้เด็กหญิงนับล้านคนทั่วโลกได้รับการศึกษาและมีทักษะการใช้ชีวิต ตลอดจนได้รับความช่วยเหลืออื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาชีวิตของตนและสังคมแวดล้อมให้ดีขึ้น โดยจัดขึ้นในปีนี้เป็นปีที่ 5 โดยในครั้งนี้ ร่วมกับหอการค้าอเมริกา (American Chamber AMCHAM) ได้เชิญภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนการสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงมากขึ้น กับการเสวนา
17 พฤศจิกายน 2557 11:52 น.
องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย เดินหน้าโครงการรณรงค์ระดับโลก Because I am a Girl หรือ เพราะฉันคือเด็กผู้หญิงพร้อมเผยผลงานวิจัยเรื่อง“ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กหญิง” องค์การแพลนอินเตอร์...
ต.ค. 56
ด้วยองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์การพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ที่ทำงานพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนใน 68 ประเทศทั่วโลก ได้จัดโครงการ ‘...
ต.ค. 55
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานส่งเสริมสิทธิเด็กและเยาวสตรี โครงการ “เพราะฉันคือเด็กผู้หญิง” จัดโดยองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล (สำนักงานประเทศไทย) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงการส่งเสริมให้เด็กหญิงและเด็กชายมีโอกาสและสิทธิที่เท่า...
ต.ค. 54
อัมพร โชติรัชสกุล (กลาง) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการและเทคโนโลยี ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หัสญา หาสิตะพันธุ์ (ที่สามจากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม มูลนิธิซิตี้ มหา คิวบาร์รูเบีย (ที่สามจากขวา) ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย...
ก.พ. 58
มหา คิวบาร์รูเบีย (ที่สี่จากขวา) ผู้อำนวยการองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย รับมอบเงินจากกลุ่มเวิร์ลด วิงส์ อินเตอร์เนชั่นแนล นำโดย มร. เกีย-อาแคเดเมีย แอนเดอร์สัน และอุษารัศมิ์ โยธินธรรมกุล (ที่สามจากซ้าย) เป็นเงินจำนวน 670...
ธ.ค. 57
มหา คิวบาร์รูเบีย (ที่สี่จากขวา) ผู้อำนวยการองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย รับมอบเงินจากกลุ่มเวิร์ลด วิงส์ อินเตอร์เนชั่นแนล นำโดย มร. เกีย-อาแคเดเมีย แอนเดอร์สัน และอุษารัศมิ์ โยธินธรรมกุล (ที่สามจากซ้าย) เป็นเงินจำนวน 670...
ธ.ค. 57
องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาตร์ วัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) สถานเอกอัครราชฑูตแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สถานเอกอัครราชฑูตอเมริกาประจำประเทศไทย และองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ร่วมประกาศแคมเปญ “Stop...
มิ.ย. 57
นางมหา คิวบาร์รูเบีย (ที่สามจากขวา) ผู้อำนวยการองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย ร่วมกับ นายจุลยุทธ โล่โชตินันท์ (ที่สามจากซ้าย) วาทยกรประจำวง บางกอก แชริตี้ ออเครสตร้า (Bangkok...
พ.ย. 56