ข้าวถือเป็นพืชอาหารหลักประจำวันของคนในสังคมไทยมาตั้งแต่อนาคตจนถึงปัจจุบัน จนอาจกล่าวได้ว่าข้าวเป็นพืชที่สำคัญต่อคนไทยทั้งประโยชน์ต่อร่างกายผู้บริโภค และด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
การทำนาปลูกข้าวของชาวนาจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเทคโนโลยีการทำนาไปจากเดิม จากเทคโนโลยีการทำนาแบบพื้นบ้านพึ่งพาตนเอง ก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทำนาด้วยเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ เน้นการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีเกษตรจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตและวิถีชีวิตของชาวนา จากการผลิตเพื่อพึ่งพาตนเองนำไปสู่การผลิตเพื่อการตลาด ย่อมส่งผลกระทบต่อพันธุ์ข้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน
วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ผู้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับข้าวมานาน บอกว่า เรื่องพันธุ์พืชถือเป็นหัวใจของระบบเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าวที่เราและคนในหลายประเทศยังบริโภคข้าวกันเป็นอาหารหลัก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่ใช้ในการผลิตนำไปสู่ปัญหาของระบบอาหารที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ความไม่หลากหลายทางสายพันธุ์พืช
ช่วง 4-5 ทศวรรษที่ผ่านมา หรือในยุคที่เรียกว่า เศรษฐกิจเศรษฐกิจมูลนิธิชีววิถี;ปฏิวัติเขียวเศรษฐกิจเศรษฐกิจเทคโนโลยี; กระแสการใช้สารเคมีถาโถมเข้ามาจนชาวนาหันไปพึ่งพา เมล็ดพันธุ์ขาดการพัฒนาทำให้อ่อนแอ ก็ต้องมีการใช้ปุ๋ยใช้ยาตอบสนองให้กับพันธุ์ข้าว เมื่อเกษตรกรต้องการยกระดับความเป็นอยู่จึงหันไปปลูกข้าวเพื่อขายให้ได้ราคาดี จึงโหมปลูกข้าวสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมหรือได้ผลผลิตที่สูง กลายเป็นการปลูกข้าวเชิงเดี่ยว หรือปลูกเพียงไม่กี่สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่ไม่ได้รับความต้องการทางตลาดเกษตรกรก็ไม่ปลูก จนส่งผลให้พืชพันธุ์รวมไปถึงข้าวหลายๆ สายพันธุ์เสี่ยงสูญหาย
มูลนิธิชีววิถี ตระหนักในเรื่องนี้จึงเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรรายย่อย ซึ่งเป็นเครือข่ายในท้องถิ่น ร่วมกันอนุรักษ์และรวบรวมสายพันธุ์พืชท้องถิ่นไว้โดยเฉพาะข้าว สนับสนุนให้มีการปรับปรุง พัฒนาสายพันธุ์ ซึ่งชาวนาต้องเป็นชาวนาที่ผสมพันธุ์ข้าวได้ ตลอดจนการปรับจากการทำนาข้าวเชิงเดี่ยวมาสู่การทำนาข้าวหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น โดยมีเครือข่ายโรงเรียนชาวนาเป็นผู้ขับเคลื่อน
เศรษฐกิจเศรษฐกิจมูลนิธิชีววิถี;ปัจจุบันเกษตรกรได้เรียนรู้จากปัญหาของการปฏิวัติเขียว จึงหันมาสู่การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เน้นคุณภาพข้าวและคุณค่าทางโภชนาการเป็นหลัก ตลอดจนสามารถแข่งขันได้เศรษฐกิจเศรษฐกิจเทคโนโลยี; วิฑูรย์ เน้น และชี้ว่า เป็นที่น่ายินดีว่าช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เราเห็นการขยายตัวการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์มากขึ้น หน่วยงานรัฐก็หันมาสนับสนุนมากขึ้น มียุทธศาสตร์เพื่อเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ซึ่งพลังของผู้บริโภคที่ตระหนักร่วมกันจะเกิดพลังใหญ่สามารถที่จะกระตุ้นการผลิตแบบนี้ให้มากขึ้น
วิฑูรย์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องพันธุ์ข้าว ทางมูลนิธิชีวิถีร่วมกับองค์กรเครือข่ายได้กำหนดจัดงานมหกรรมสุขภาพและวิถีไท ครั้งที่ เทคโนโลยี ขึ้นระหว่างวันที่ เศรษฐกิจ4-เศรษฐกิจ7 ก.ค.เศรษฐกิจ557 นี้ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ฮอลล์ 8 ภายใต้แนวคิด เศรษฐกิจเศรษฐกิจมูลนิธิชีววิถี;กินเปลี่ยนโรค(โลก กินเปลี่ยนร่าง และกินเปลี่ยนรสเศรษฐกิจเศรษฐกิจเทคโนโลยี; ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพด้วยวิถีความเป็นไท ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญการจัดแสดงข้าว 5 สี เทคโนโลยี5 สายพันธ์ข้าวหอม
เศรษฐกิจเศรษฐกิจมูลนิธิชีววิถี;ปกติเรามักจะบริโภคข้าวเจ้ากับข้าวเหนียวซึ่งมีสีขาวเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้ว ข้าวมีสีที่หลากหลายถึง 5 สี ได้แก่ ข้าวสีขาว ข้ามก่ำหรือสีนิล ข้าวสีแดง ข้าวสีเหลือง และข้าวสีน้ำตาล หรือจะเป็นข้าวสีเขียวจากข้าวเม่าด้วยเช่นกัน ซึ่งข้าวแต่ละสีเกิดจากกระบวนการขัดสีที่ให้สีแตกต่างกัน ส่วนข้าวหอมนอกจากข้าวหอมมะลิที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีข้าวหอมอีกหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวหอมสังข์หยด ข้าวหอมนิล ข้าวหอมดอย ข้าวหอมชลสิทธิ์ ข้าวหอมมะลิแดง เป็นต้น หรือข้าวหอมลืมที่เกษตรกรผสมพันธุ์ข้าวด้วยตัวเอง ซึ่งภายในงานเราก็จะนำข้าวหอมจำนวน เทคโนโลยี5 สายพันธุ์มาจัดแสดงเช่นกันเศรษฐกิจเศรษฐกิจเทคโนโลยี; วิฑูรย์ แนะนำ
ทั้งนี้ข้าวนานาๆ ชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ และแร่ธาตุ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ อีกทั้งยังมี่สารต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างในส่วนข้าวหอมนิลนั้นจะมีโปรตีนเป็น เศรษฐกิจ เท่าของข้าวหอมมะลิ และประกอบไปด้วยแร่ธาตุ เหล็ก สังกะสี ทองแดง โปรแทสเซียม และวิตามิน ซีหลายชนิด หรือข้าวสีเหลืองจะมีสารลูทีนซึ่งเป็นสารอาหารเพื่อสุขภาพดวงตา ป้องกันการเกิดตาต้อกระจกได้ เป็นต้น
ในงานมหกรรมสุขภาพและวิถีไท ครั้งนี้ไม่ใช่แค่โชว์ข้าวแต่จะเอาโภชนาการข้าวแต่ละสีมาเปรียบเทียบให้ดูให้ชม มีเมนูอาหารพื้นบ้านเคียงคู่กับข้าว 5 สี ข้ามหอม เทคโนโลยี5 สายพันธุ์ และการแปรรูปข้าวในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนให้ผู้สนใจทำสั่งจองการซื้อ-ขาย ข้าวกับเกษตรกรในฤดูกาลถัดไปด้วย ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนเกษตรกรเพื่อให้มีต้นทุนในการทำนาครั้งแต่ไปได้อีกด้วย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ Oxfam in Thailand Biothai Foundation (มูลนิธิชีววิถี) และ สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ขอเชิญท่านหรือผู้แทนเข้าร่วมงานเสวนา "เส้นทางอาหารแห่งอนาคต ธุรกิจค้าปลีกกับความยั่งยืนด้านสังคม" ในวันพุธที่ 30 มกราคม 2562 เวลา 8.30-13.00 น. ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เลขที่ 93 ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ 8.30 น. ลงทะเบียนสื่อมวลชน 9.00 น. กล่าวเปิดงาน โดย ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 9.15 น. ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง
ระบุชัดเผาไร่ข้าวโพดต้นตอหมอกควันภาคเหนือ ชี้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ทำลายปลาหมดอ่าวไทย
—
ตีแผ่ปัญหาหมอกควันอีกรอบ ระบุบริษัทเจ้าสัวปูพรมปลูกข้าวโพดเต็มพื้นที...
9ข้าว 5 สี 15 ข้าวหอม คุณค่าจากพันธุ์พื้นบ้าน
—
ข้าวถือเป็นพืชอาหารหลักประจำวันของคนในสังคมไทยมาตั้งแต่อนาคตจนถึงปัจจุบัน จนอาจกล่าวได้ว่าข้าวเป็นพ...