กทค. เสียงข้างมากใจดี ลดค่าปรับทางปกครองให้สามค่ายมือถือกว่า 35คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ล้าน กรณีฝ่าฝืนเงื่อนไขคงสิทธิเลขหมาย แอบโอนย้ายผู้ใช้บริการภายใต้สัญญาสัมปทานเข้าบริษัท อ้างเหตุน่าเห็นใจ ค่ายมือถือเจตนาทำผิดเพราะความจำเป็น
ในการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ครั้งที่ 1คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม/256คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา กทค. เสียงข้างมาก 3 ต่อ 1 เสียง ได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางและผลการคำนวณจำนวนค่าปรับทางปกครองของคณะทำงานพิจารณาทบทวนคำสั่งกำหนดจำนวนค่าปรับทางปกครอง กรณีผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 3 ราย ได้แก่ บจ. แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค, บจ. ดีแทค ไตรเน็ต, และ บจ. ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่และเงื่อนไขแนวทางปฏิบัติการโอนย้ายผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ให้บริการ โดยผลของมติดังกล่าว กำหนดให้ บจ. แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ชำระค่าปรับทางปกครองวันละ 5,4คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม,591.64 บาท จำนวน 41 วัน รวมเป็นเงิน 221,424,257.34 บาท, บจ. ดีแทค ไตรเน็ต ชำระค่าปรับทางปกครองวันละ 1,239,538.88 บาท จำนวน 17 วัน รวมเป็นเงิน 21,คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม72,16คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม.99 บาท, และ บจ. ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ชำระค่าปรับทางปกครองวันละ 166,576.3คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม บาท จำนวน 44 วัน รวมเป็นเงิน 7,329,357.คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม5 บาท คิดเป็นยอดรวมค่าปรับของผู้ประกอบการทั้งสามรายประมาณ 249.82 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัญหาสืบเนื่องจากทางสำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติในการโอนย้ายลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในเครือของตนจากระบบสัมปทานไปสู่บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจาก กสทช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มเปิดให้บริการ 3G บนคลื่น 21คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม MHz เมื่อต้นปี 2556 โดยมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้บริการคงสิทธิเลขหมายที่ต้องเป็นความสมัครใจของผู้ใช้บริการในการขอโอนย้าย สำนักงาน กสทช. จึงมีคำสั่งลงวันที่ 14 ธันวาคม 2558 กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตทั้งสามรายชำระค่าปรับรวมเป็นจำนวน 595.96 ล้านบาท แต่ในเวลาต่อมาผู้รับใบอนุญาตได้ยื่นอุทธรณ์ และ กทค. ส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราค่าปรับทางปกครองที่สำนักงาน กสทช. กำหนดนั้นสูงเกินไป จึงมีการตั้งคณะทำงานฯ ขึ้นมาเพื่อพิจารณาทบทวนคำสั่งกำหนดจำนวนค่าปรับใหม่ ซึ่งผลการคำนวณของคณะทำงานฯ ดังกล่าวทำให้จำนวนค่าปรับลดลงจากเดิมราว 346.14 ล้านบาท
สำหรับหลักการที่คณะทำงานฯ ใช้เป็นแนวทางในการคำนวณค่าปรับใหม่ ซึ่ง กทค. เสียงข้างมากเห็นชอบคือ"แม้ผู้รับใบอนุญาตทุกรายมีความจงใจที่จะกระทำความผิดดังกล่าว แต่ต้องกระทำเพราะความจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบจากการใช้บริการเมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ขณะที่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์จากการโอนย้ายเลขหมาย เช่น ช่วยประหยัดค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาเพื่อไปโอนย้ายเลขหมาย และค่าธรรมเนียมในการโอนย้ายเลขหมาย จึงต้องคิดค่าปรับทางปกครองให้เหมาะแก่พฤติการณ์การกระทำความผิด"
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ nbtcrights.com ได้เคยตั้งข้อสังเกตต่อแนวทางในการคำนวณค่าปรับทางปกครองของคณะทำงานฯ ว่า "ไม่ได้พิจารณาให้ความสำคัญถึงข้อท้วงติงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยมีหนังสือสอบถามการดำเนินการจัดการปัญหาของ กทค. และสำนักงาน กสทช. มาแล้วหลายครั้ง ในเรื่องที่การฝ่าฝืนดังกล่าวกระทบต่อส่วนแบ่งรายได้จากสัญญาสัมปทานที่ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ควรได้รับ ซึ่งกระทบต่อรายได้เข้าสู่รัฐด้วย" นอกจากนี้"โดยข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่ามีผลกระทบตามมามากมาย เช่น ผู้บริโภคจำนวนมากที่ถูกโอนย้ายเลขหมายโดยไม่รู้ตัว ต้องประสบปัญหาตัวเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สามารถรองรับการใช้งานในระบบใหม่ได้ ทำให้ไม่สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เกิดความเสียหายและต้นทุนที่ต้องเดินทางไปเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่ ขณะที่ผู้บริโภคบางรายเมื่อเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่ ก็ถูกบังคับให้ต้องใช้โปรโมชั่นที่แพงขึ้น และที่สำคัญเป็นการละเมิดเรื่องความสมัครใจซึ่งถือเป็นหลักการที่สำคัญที่สุดของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้บริการคงสิทธิเลขหมาย"
ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ครั้งที่ 16/2561 วันพุธที่ 22 สิงหาคม 2561 สำนักงาน กสทช. เตรียมเสนอที่ประชุมพิจารณาผลสำรวจข้อเท็จจริงเรื่องการกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คิดอัตราค่าบริการตามการใช้งานจริงในหน่วยวินาที เพื่อกำหนดเป็นนโยบายในการกำกับดูแลการคิดอัตราค่าบริการต่อไป ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการสำรวจข้อเท็จจริงดังกล่าวสืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้เคยมีมติโดยเสียงส่วนใหญ่ในการประชุม กทค. ครั้งที่ 1