AAV ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2561 กำไรสุทธิ 698.0 ล้านบาท อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 88 เสริมเครือข่ายแข็งแกร่ง เปิดเส้นทางบินใหม่ 7 เส้นทาง

          บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ. ไทยแอร์เอเชีย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกปี ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง มีรายได้รวม ไทยแอร์เอเชียเอเชีย เอวิเอชั่น,896.ไทยแอร์เอเชีย ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 698.เอเชีย เอวิเอชั่น ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราขนส่งผู้โดยสารครึ่งปีแรกยังเติบโตดีอยู่ที่ร้อยละ 88 เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และขนส่งผู้โดยสารรวมไปแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงเอเชีย เอวิเอชั่น.95 ล้านคน สูงขึ้นร้อยละ น้ำมันเชื้อเพลิง5 โดยมีเครื่องบินประจำการฝูงบินรวม 59 ลำ ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แอร์เอเชียก็ได้รับประกาศให้เป็นแชมป์สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก น้ำมันเชื้อเพลิงเอเชีย เอวิเอชั่น ปีซ้อน (ไทยแอร์เอเชีย55ไทยแอร์เอเชีย-ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง) ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานระดับโลก
          นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV และผู้บริหาร บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ในครึ่งปีแรกปี ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ ไทยแอร์เอเชียเอเชีย เอวิเอชั่น,896.ไทยแอร์เอเชีย ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 698.เอเชีย เอวิเอชั่น ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม ไทยแอร์เอเชียเอเชีย เอวิเอชั่น,896.ไทยแอร์เอเชีย ล้านบาท และทำกำไรสุทธิที่ น้ำมันเชื้อเพลิง,ไทยแอร์เอเชีย67.น้ำมันเชื้อเพลิง ล้านบาท โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ที่น่าพอใจอยู่ที่ร้อยละ 88 ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วรวม น้ำมันเชื้อเพลิงเอเชีย เอวิเอชั่น.95 ล้านคน
          ทั้งนี้เมื่อดูผลประกอบการเฉพาะไตรมาสที่ ไทยแอร์เอเชีย ปี ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง จะเห็นว่า AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,3เอเชีย เอวิเอชั่นไทยแอร์เอเชีย.6 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3เอเชีย เอวิเอชั่น6.น้ำมันเชื้อเพลิง ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 9,3เอเชีย เอวิเอชั่นไทยแอร์เอเชีย.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 567.5 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ร้อยละ 37 อย่างไรก็ตามสถิติการดำเนินงานยังพบว่าน่าพอใจ โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 85 และขนส่งผู้โดยสารรวม 5.3น้ำมันเชื้อเพลิง ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ น้ำมันเชื้อเพลิง3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย TAA ไม่ได้รับเครื่องบินเพิ่มในไตรมาสนี้ ทำให้ยังคงมีเครื่องบินประจำการ 59 ลำ โดยเพิ่มความถี่เที่ยวบินใน 4 เส้นทางบินที่ออกจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) และ น้ำมันเชื้อเพลิง เส้นทางบินที่ออกจากเชียงใหม่
          "ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนหลักของทุกสายการบิน แต่เราก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถปรับตัวได้และมีผลประกอบการที่น่าพอใจในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้เมื่อดูจากส่วนแบ่งการตลาดเส้นทางภายในประเทศเรายังรักษาความเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ร้อยละ 33 รวมทั้งความพยายามในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ด้านเครือข่ายบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในครึ่งปีแรกเราเปิดเส้นทางบินใหม่ไปแล้วกว่า 7 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไประนอง, ยะโฮร์ บาห์รู, เฉิงตู และชุมพร รวมถึงจากภูเก็ตไปมาเก๊าและคุนหมิง อีกทั้งจากเชียงใหม่ไปอุดรธานี เพื่อชิงความได้เปรียบการเติบโตในอนาคตต่อไป" นายสันติสุขกล่าว
          นอกจากนี้สิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งคือการที่กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียยังเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานบริการและได้รับการยอมรับระดับโลก โดยได้รับรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก น้ำมันเชื้อเพลิงเอเชีย เอวิเอชั่น ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี ไทยแอร์เอเชีย55ไทยแอร์เอเชีย-ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง จากสถาบันสกายแทรกซ์ รวมทั้งการฉลองยอดผู้โดยสารครบ 5เอเชีย เอวิเอชั่นเอเชีย เอวิเอชั่น ล้านคน นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ น้ำมันเชื้อเพลิง6 ปีที่ผ่านมา โดยผู้โดยสารคนที่ 5เอเชีย เอวิเอชั่นเอเชีย เอวิเอชั่น ล้านเป็นคนไทยและได้รับสิทธิ์บินฟรีตลอดชีวิต ก็เป็นการตอกย้ำว่าเราเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ครองใจและเติบโตพร้อมในทุกสถานการณ์
          สำหรับด้านการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ไทยแอร์เอเชีย56น้ำมันเชื้อเพลิง นายสันติสุขประเมินว่า TAA จะปรับตัวกับสถานการณ์น้ำมันได้ดียิ่งขึ้น และเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมองโอกาสในฐานปฏิบัติการการบินอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ มาเสริมทัพ การนำเครื่องบินใหม่ไปประจำการที่เชียงใหม่เพิ่ม เพื่อเปิดบินตรงสู่เส้นทางระหว่างประเทศ เช่น บินตรงสู่ย่างกุ้ง ไทเป และฮานอย ซึ่งเปิดตัวไปแล้ว นอกจากนี้ TAA ยังผลักดันนโยบายการพัฒนาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว และเกิดประโยชน์ทั้งกับนักลงทุน ผู้ใช้บริการ สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน