กระทรวงเกษตรฯ เนื้อหอม ใคร ๆ ก็ชอบ “เพื่อปากท้องของประชาชน หรือสวรรค์ของนักการเมือง”

          ชัดเจนแล้ว!!! หลังประชุมสภาเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน กระทรวงเกษตร56กระทรวงเกษตร ผลการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนนเสียงท่วมท้น 5ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ/กระทรวงเกษตร44 ชนะคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปมากพอสมควร ด้วยคะแนนเสียงจากวุฒิสมาชิกอีก กระทรวงเกษตร5ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เสียงที่ไม่มีตกหล่นแม้แต่คะแนนเดียว ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังคงเป็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนเดิม ท่ามกลางฝุ่นควันการต่อรองกระทรวงต่าง ๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลแบบวุ่นวายขายปลาช่อน แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปสำหรับการจัดสรรปันส่วนการดูแลกระทรวงสำคัญๆ ไม่ทราบว่าท้ายสุดแล้วแต่ละพรรคร่วมจะได้ตามที่ดีลเดิมด้วยดีหรือไม่
          สำหรับกระทรวงที่มีบทบาทที่สุด เห็นจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่หลายพรรคหลายกลุ่มต่างจ้องมองพุงปลาตาเป็นมัน เนื่องด้วยมีงบประมาณประจำปีสูงถึง "แสนกว่าล้านบาท"(ประยุทธ์ จันทร์โอชาธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ8,539,3กระทรวงเกษตร4,7ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ล้านบาท ที่มา : เอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. กระทรวงเกษตร56กระทรวงเกษตร) ซึ่งนับว่าเป็นกระทรวงสำคัญเกรดเอของประเทศ ที่ผ่านการบริหารจัดการมาหลายยุคหลายสมัย แต่ยังไม่มีรัฐบาลสมัยไหนจะสามารถแก้ปัญหาเกษตรกรได้จริงจังเสียที หรือแม้แต่รัฐบาลที่มีมาตรา 44 มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ยังไม่สามารถทำให้เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้จริง ๆ สักที ยังคงวนเวียนกับปัญหาในวงจรเดิม เช่น ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ น้ำท่วม ฝนแล้ง สารพิษตกค้าง เจ็บป่วยจากสารพิษ เป็นหนี้เป็นสิน ขายที่ดิน เช่านานายทุนทำอยู่ร่ำไป มิหนำซ้ำนายทุนใหญ่ ๆ ยังขยับล้วงมือเข้ามาได้ใกล้กว่าเดิม
          "และผู้ที่ได้กระทรวงนี้ไปรับผิดชอบก็เป็นไปตามคาด คือพรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างไรก็ตามชีวิตของประชาชนคนไทยก็ต้องดำรงคงอยู่ต่อไป อย่าเพิ่งท้อแท้สิ้นหวัง "ชาติ" ย่อมต้องขับเคลื่อนไปด้วยพลังประชาชน หัวใจประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าจะเป็น "ประชาธิปไตยที่เคลือบด้วยยาฆ่าแมลงหรือสารพิษคุมฆ่าหญ้า" ก็ตาม.... พวกเราก็ต้องช่วยกันขยันรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพบำรุงกันต่อไป เพื่อให้ประชาธิปไตยของเราเติบโตเต็มใบอย่างยั่งยืน...และปลอดภัยไร้สารพิษในที่สุด ถึงแม้ต้องใช้รัฐบาลอีกหลายสมัยในการขับเคลื่อนก็ตาม"
          สิ่งที่อยากจะฝากให้รัฐบาลใหม่ช่วยดูแลแก้ปัญหาก็คงจะไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ คือเรื่องราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ควรจะต้องมีนโยบายและมาตรการกระตุ้นให้เกิดผลบวกเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน มิใช่ปล่อยไปตามยถากรรม ตามราคาตลาด หรืออะไร ๆ ก็อ้างตลาดโลก เราควรมีการบริหารจัดการอย่างมีแบบแผน โดยเฉพาะเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดสารพิษ อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มมูลค่า (Value Added) ให้แก่ผลผลิตภาคการเกษตร ทั้งยังเป็นการช่วยให้สุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภคห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อันมีผลพวงมาจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่นับวันจะมีตัวเลขสูงขึ้นทุกปี โดยในปี กระทรวงเกษตร553 มีตัวเลขประชาชนเจ็บป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ประยุทธ์ จันทร์โอชา,57กระทรวงเกษตร ราย ปี กระทรวงเกษตร554 เท่ากับ กระทรวงเกษตร,546 ราย, ปี กระทรวงเกษตร555 เท่ากับ 5,ประยุทธ์ จันทร์โอชาประยุทธ์ จันทร์โอชาประยุทธ์ จันทร์โอชา ราย, ปี กระทรวงเกษตร556 เท่ากับ5,589 ราย, ปี กระทรวงเกษตร557 เท่ากับ 6,48ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ราย, ปี กระทรวงเกษตร558 เท่ากับ 5,8กระทรวงเกษตร3 ราย และในปี กระทรวงเกษตร559 มีเพิ่มขึ้นไปถึง 9,ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ39 ราย
          จะเห็นว่าตัวเลขของประชากรที่เจ็บป่วยจากพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เพิ่มขึ้นทุกปีและมีนัยยะสำคัญที่รัฐบาลควรจะเข้ามาใส่ใจ เพื่อพัฒนาประเทศชาติและประชาชนให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยให้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ควรจะต้องนำมาปฏิบัติเป็นอันดับต้น ๆ จากนโยบายทั้งหมด ก็หวังว่าข้อมูลอันเล็กน้อยเหล่านี้จะช่วยให้ผู้นำรัฐบาล 5ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะคล้อยตามเห็นด้วยได้บ้างไม่มากก็น้อย อย่าให้ได้ชื่อว่าเป็น "กระทรวงเนื้อหอม ที่ใคร ๆ ก็ชอบและทำเพื่อปากท้องของประชาชน หรือเป็นแค่สวรรค์ของนักการเมืองเท่านั้น"
          สนับสนุนบทความโดยนายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจกระทรวงเกษตร 986 ประยุทธ์ จันทร์โอชา68ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – กระทรวงเกษตร