กรุงเทพ--14 ต.ค.--พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง
บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (พีแอนด์จี ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย แถลงวันนี้ (13 ตุลาคม) ว่า บริษัทมียอดขายในปีบัญชีซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ทั้งสิ้น 7,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 35% แม้จะมียอดลดลง 12% เมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
มร. ระวิ ชาตูเวอดิ กรรมการผู้จัดการพีแอนด์จี ประเทศไทย กล่าวว่า “การร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแข็งขันของพนักงานในปีที่ผ่านมา และการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยให้เรามีผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจ” อย่างไรก็ตาม มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า ผลกำไรต่อยอด-ขายของบริษัทมีอัตราลดลงอย่างมาก โดยต้นทุนของบริษัทได้ถีบตัวสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทซึ่งอ่อนตัวลงได้ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบ ทั้งวัตถุดิบนำเข้าและวัตถุดิบภายในประเทศ รวมไปถึงผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความจำเป็นที่จะ “ต้องลงทุนเพิ่ม และการที่บริษัทไม่สามารถจะกำหนดราคาสินค้าซึ่งสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไรของบริษัท” จากการเปิดเผยของมร. ชาตูเวอดิ ผลกำไรของพีแอนด์จี ประเทศไทยในปีนี้มีสัดส่วนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผลกำไรที่ทำได้ในปีที่แล้ว แม้ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นก็ตาม
มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยได้ปฏิบัติตามสิ่งที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้ขอความ-ร่วมมือจากผู้นำภาคธุรกิจเอกชนในที่ประชุมหอการค้าร่วมเมื่อต้นปีนี้ทุกประการ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าเงินทุนใหม่ๆ การกระตุ้นกิจกรรมทางการค้าเพื่อสร้างงานให้กับคนไทย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเพิ่มปริมาณการส่งออก และให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทยอย่างเต็มที่
“ไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้จะเป็นเช่นไร เรายังคงมองอนาคตในระยะยาวเป็นสำคัญ และยังคงยึดมั่นในหลักการการทำการค้าของเราอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการทำให้ดียิ่งขึ้นและมากขึ้นกว่าเดิมในสิ่งที่ทำแล้วได้ผลเมื่อครั้งที่เศรษฐกิจดี” มร. ชาตูเวอดิกล่าวและว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยยังคงจะได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของพีแอนด์จีอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยนอกระบบการค้าเสรีมาเป็นข้อจำกัดการทำงานของกลไกตลาด
มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยได้จ้างงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้เพิ่มงบในการฝึกอบรมขึ้นจากเดิมประมาณ 300% สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณในโครงการฝึกอบรมพนักงานประมาณ 27 ล้านบาท โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้ปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานเฉลี่ยอยู่ในอัตรา 10% ขึ้นไป “เราขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงาน เพราะเห็นว่าในช่วงเวลาเช่นนี้พนักงานจะต้องทุ่มเทความสามารถของตนอย่างเต็มศักยภาพเพื่อบริษัท ดังนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่บริษัทจะต้องตอบแทนสำหรับการทุ่มเทดังกล่าวของพนักงาน ไม่ใช่ลดเงินเดือนพนักงาน”
เพื่อรับมือกับผลกระทบต่างๆ จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว พีแอนด์จีจึงได้ทำการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง พร้อมกับเพิ่มงบในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์อีกด้วย นับแต่เดือนกรกฎาคม 2540 เป็นต้นมา พีแอนด์จีได้วางตลาดสินค้าใหม่หลายรายการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส เบบี้ ดราย’ ‘แชมพูเฮด แอนด์ โชว์เดอร์ส’ ‘แชมพูรีจอยส์ใหม่’ ที่ใหม่โดยสิ้นเชิงทั้งสูตร กลิ่น ประสิทธิภาพ และบรรจุภัณฑ์ ‘แชมพูแพนทีน โปร-วีใหม่’ ในบรรจุภัณฑ์รูปลักษณ์ใหม่ และใหม่ด้วยสูตรคอนดิชันเนอร์ที่ดีที่สุดในโลก ‘มันฝรั่งพริงเกิลส์รสใหม่’ ในขนาดบรรจุใหม่ ‘ผ้าอนามัยวิสเปอร์บางเฉียบ’ พัฒนา-การล่าสุดของผ้าอนามัย รวมถึง ‘ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส ดรายแคร์’ ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสุขภาพผิวของเด็กทารก และล่าสุดก็คือ ‘ชุดผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยแห่งวัยออยล์ ออฟ โอเลย์’ ซึ่งมีส่วนผสมของ BHA วิทยาการล้ำยุคของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จัดจำหน่ายสินค้าของบริษัท พีแอนด์จีได้ใช้ประวัติสินเชื่อที่ดีของบริษัทเพื่อช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งได้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ “ในยุคที่ปัญหาขาดสภาพคล่องรุนแรงเช่นนี้ พีแอนด์จีรู้สึกยินดีที่สามารถช่วยหาแหล่งเงินสนับสนุนแก่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าของเราได้” มร. ชาตูเวอดิ กล่าว “นอกจากนั้น ดอกเบี้ยอัตราพิเศษนี้ยังช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายมีต้นทุนในรูปของเงินทุนหมุนเวียนที่ต่ำกว่าการที่ผู้จัดจำหน่ายจะหาแหล่งเงินกู้เองอีกด้วย”
ผู้จัดจำหน่ายสินค้าพีแอนด์จีทั้ง 15 ราย (11 รายในต่างจังหวัด และ 4 รายในกรุงเทพฯ) ต่างก็ได้รับประโยชน์จากโครงการจัดหาเงินกู้ดังกล่าวของบริษัท ทั้งนี้ มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จีกำลังหาหนทางที่จะขยายโครงการนี้ออกไป เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้จัดหาวัตถุดิบของบริษัทด้วยเช่นกัน
พีแอนด์จี เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมหลากหลายประเภทสินค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ในรอบปีบัญชีซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2541 พีแอนด์จี ระดับโลก มีรายได้ทั้งสิ้น 37,154 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน บริษัท พีแอนด์จีจัดเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 30 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ: ชัชฎาภา วิจิตรานนท์
บริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด โทร. 652 1946 ต่อ 111 โทรสาร 652 1948--จบ--
พีแอนด์จีทำยอดขาย 7,700 ล้านบาทในปีบัญชี 2540/41xthai xlocal xpr xcorp xcommod xsales xfinmktsource: พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง
บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (พีแอนด์จี ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย แถลงวันนี้ (13 ตุลาคม) ว่า บริษัทมียอดขายในปีบัญชีซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ทั้งสิ้น 7,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 35% แม้จะมียอดลดลง 12% เมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
มร. ระวิ ชาตูเวอดิ กรรมการผู้จัดการพีแอนด์จี ประเทศไทย กล่าวว่า “การร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแข็งขันของพนักงานในปีที่ผ่านมา และการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยให้เรามีผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจ” อย่างไรก็ตาม มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า ผลกำไรต่อยอด-ขายของบริษัทมีอัตราลดลงอย่างมาก โดยต้นทุนของบริษัทได้ถีบตัวสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทซึ่งอ่อนตัวลงได้ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบ ทั้งวัตถุดิบนำเข้าและวัตถุดิบภายในประเทศ รวมไปถึงผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความจำเป็นที่จะ “ต้องลงทุนเพิ่ม และการที่บริษัทไม่สามารถจะกำหนดราคาสินค้าซึ่งสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไรของบริษัท” จากการเปิดเผยของมร. ชาตูเวอดิ ผลกำไรของพีแอนด์จี ประเทศไทยในปีนี้มีสัดส่วนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผลกำไรที่ทำได้ในปีที่แล้ว แม้ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นก็ตาม
มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยได้ปฏิบัติตามสิ่งที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้ขอความ-ร่วมมือจากผู้นำภาคธุรกิจเอกชนในที่ประชุมหอการค้าร่วมเมื่อต้นปีนี้ทุกประการ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าเงินทุนใหม่ๆ การกระตุ้นกิจกรรมทางการค้าเพื่อสร้างงานให้กับคนไทย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเพิ่มปริมาณการส่งออก และให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทยอย่างเต็มที่
“ไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้จะเป็นเช่นไร เรายังคงมองอนาคตในระยะยาวเป็นสำคัญ และยังคงยึดมั่นในหลักการการทำการค้าของเราอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการทำให้ดียิ่งขึ้นและมากขึ้นกว่าเดิมในสิ่งที่ทำแล้วได้ผลเมื่อครั้งที่เศรษฐกิจดี” มร. ชาตูเวอดิกล่าวและว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยยังคงจะได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของพีแอนด์จีอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยนอกระบบการค้าเสรีมาเป็นข้อจำกัดการทำงานของกลไกตลาด
มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จี ประเทศไทยได้จ้างงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้เพิ่มงบในการฝึกอบรมขึ้นจากเดิมประมาณ 300% สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณในโครงการฝึกอบรมพนักงานประมาณ 27 ล้านบาท โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้ปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานเฉลี่ยอยู่ในอัตรา 10% ขึ้นไป “เราขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงาน เพราะเห็นว่าในช่วงเวลาเช่นนี้พนักงานจะต้องทุ่มเทความสามารถของตนอย่างเต็มศักยภาพเพื่อบริษัท ดังนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่บริษัทจะต้องตอบแทนสำหรับการทุ่มเทดังกล่าวของพนักงาน ไม่ใช่ลดเงินเดือนพนักงาน”
เพื่อรับมือกับผลกระทบต่างๆ จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว พีแอนด์จีจึงได้ทำการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง พร้อมกับเพิ่มงบในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์อีกด้วย นับแต่เดือนกรกฎาคม 2540 เป็นต้นมา พีแอนด์จีได้วางตลาดสินค้าใหม่หลายรายการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส เบบี้ ดราย’ ‘แชมพูเฮด แอนด์ โชว์เดอร์ส’ ‘แชมพูรีจอยส์ใหม่’ ที่ใหม่โดยสิ้นเชิงทั้งสูตร กลิ่น ประสิทธิภาพ และบรรจุภัณฑ์ ‘แชมพูแพนทีน โปร-วีใหม่’ ในบรรจุภัณฑ์รูปลักษณ์ใหม่ และใหม่ด้วยสูตรคอนดิชันเนอร์ที่ดีที่สุดในโลก ‘มันฝรั่งพริงเกิลส์รสใหม่’ ในขนาดบรรจุใหม่ ‘ผ้าอนามัยวิสเปอร์บางเฉียบ’ พัฒนา-การล่าสุดของผ้าอนามัย รวมถึง ‘ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส ดรายแคร์’ ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสุขภาพผิวของเด็กทารก และล่าสุดก็คือ ‘ชุดผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยแห่งวัยออยล์ ออฟ โอเลย์’ ซึ่งมีส่วนผสมของ BHA วิทยาการล้ำยุคของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จัดจำหน่ายสินค้าของบริษัท พีแอนด์จีได้ใช้ประวัติสินเชื่อที่ดีของบริษัทเพื่อช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งได้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ “ในยุคที่ปัญหาขาดสภาพคล่องรุนแรงเช่นนี้ พีแอนด์จีรู้สึกยินดีที่สามารถช่วยหาแหล่งเงินสนับสนุนแก่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าของเราได้” มร. ชาตูเวอดิ กล่าว “นอกจากนั้น ดอกเบี้ยอัตราพิเศษนี้ยังช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายมีต้นทุนในรูปของเงินทุนหมุนเวียนที่ต่ำกว่าการที่ผู้จัดจำหน่ายจะหาแหล่งเงินกู้เองอีกด้วย”
ผู้จัดจำหน่ายสินค้าพีแอนด์จีทั้ง 15 ราย (11 รายในต่างจังหวัด และ 4 รายในกรุงเทพฯ) ต่างก็ได้รับประโยชน์จากโครงการจัดหาเงินกู้ดังกล่าวของบริษัท ทั้งนี้ มร. ชาตูเวอดิ กล่าวว่า พีแอนด์จีกำลังหาหนทางที่จะขยายโครงการนี้ออกไป เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้จัดหาวัตถุดิบของบริษัทด้วยเช่นกัน
พีแอนด์จี เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมหลากหลายประเภทสินค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ในรอบปีบัญชีซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2541 พีแอนด์จี ระดับโลก มีรายได้ทั้งสิ้น 37,154 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน บริษัท พีแอนด์จีจัดเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 30 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ: ชัชฎาภา วิจิตรานนท์ บริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด โทร. 652 1946 ต่อ 111 โทรสาร 652 1948--จบ--