กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--ลีโอ เบอร์เนทท์
ลีโอ เบอร์เนทท์เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 46
รายได้และรางวัลทะลุเป้า - ปรับฐานการบริหารและครีเอทีฟ - พัฒนาคนรองรับการเติบโต
ลีโอ เบอร์เนทท์ ย้ำยึดหลักการบริหารแบบ Consolidation "ปรับฐานพร้อมรุก" ด้วยแนวทางสามประสาน การบริหารงานลูกค้า - การบริหารงานสร้างสรรค์ การบริหารงานบุคลากร ส่งผลให้บรรลุเป้าหมาย เผยผลการดำเนินการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2546 เติบโตขึ้น 12 % เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล กรรมการผู้จัดการ ลีโอ เบอร์เนทท์ เปิดเผยว่าจากการที่บริษัทฯ ได้วางแนวทางการบริหารตามแนวทาง "ปรับฐานพร้อมรุก - Consolidation" ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารที่สำคัญในปี 2546 นี้ โดยรักษาสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่บริษัทมีอยู่แล้ว และปรับกระบวนการบริหารของหน่วยงานทั้งหมดให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพร้อมแข่งขันกับเอเยนซี่อื่นๆ
"การบริหารงานในรอบ 9 เดือนแรกนี้ สามารถบรรลุตามแผนงานที่ได้วางไว้ทุกประการ ทั้งในด้านวางแผนการบริหารลูกค้า การบริหารงานสร้างสรรค์และการบริหารงานพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯ ให้เกิดการประสานงานซึ่งกันและกัน และยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดที่จะสนับสนุนให้เอเยนซี่สามารถรุกไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิผล ผลจากการบริหารงานแนวทางดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 12 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2545"
นางสาวอ่อนอุษา ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ลีโอ เบอร์เนทท์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา แทนที่นางพรศิริ โรจน์เมธา ที่ก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดของบริษัท โดยนางพรศิริจะมุ่งเน้นไปที่การบริหารนโยบายบริษัทและการขยาย ลีโอ เบอร์เนทท์ ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ในขณะที่นางอ่อนอุษาจะมุ่งเน้นไปที่การบริหารงานและการปฏิบัติงานในรายละเอียดของลีโอ เบอร์เนทท์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
- ความสำเร็จในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา - เน้นการปรับฐานการบริหารลูกค้า งานด้าน ครีเอทีฟ และงานพัฒนาบุคลากร
สำหรับทิศทางการบริหารในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้วิสัยทัศน์ "The Best Creative Brand Building Agency" นางสาวอ่อนอุษาชี้แจงว่าได้เน้นแนวทางการ Consolidation "ปรับฐานพร้อมรุก" เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งพร้อมที่จะรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยเน้นในสามส่วนสำคัญ กล่าวคือ 1) การวางนโยบายในการพัฒนาฐานลูกค้า 2) การปรับทีมบริหารงานสร้างสรรค์โฆษณา และ 3) การวางกรอบนโยบายการพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯ ซึ่งแนวทาง Consolidation นี้จะมุ่งเน้นให้การบริหารงานทั้งสามด้านดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การวางนโยบายในการพัฒนาฐานลูกค้า
กรรมการผู้จัดการได้ชี้แจงถึงนโยบายด้านการพัฒนาฐานลูกค้าว่า ในปี 2546 นี้ ได้ใช้สองวิธีการควบคู่กันไป โดยในวิธีการแรกเป็นการบริหารลูกค้าแบบ "Organic Growth" กับกลุ่มลูกค้าเก่า โดยดูแลลูกค้าทีมีอยู่แล้วให้ดีที่สุด และมุ่งสร้างแบรนด์ของลูกค้า ทั้งในด้านงานโฆษณา Above-the-line และ Below-the-line ให้ได้ประสิทธิภาพในการสื่อสารสูงสุด โดยใช้ tool ของลีโอ เบอร์เนทท์ คือ Brand Belief System ในการช่วยสร้างแบรนด์ให้แก่ลูกค้า ซึ่งท้ายที่สุดลูกค้าเหล่านี้จะมอบหมายความไว้วางใจใหม่ๆ ให้กับ ลีโอ เบอร์เนทท์ เพิ่มขึ้น เช่นในกรณีของลูกค้าเจเนอรัล มอร์เตอร์ (จีเอ็ม) ที่มอบหมายให้บริษัทฯ รับผิดชอบงานด้าน Below-the-line และ CRM หรือลูกค้าปตท. ได้มอบหมายให้รับผิดชอบงานสื่อสารภาพลักษณ์ ปตท. 25 ปี และในกรณีล่าสุดที่บริษัท ริช มอนเด้ จำกัดได้มอบหมายให้บริษัทรับผิดชอบงานของ สเปย์ รอยัล เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ดูแลเพียงลูกค้ากลุ่มจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ เป็นต้น
"สำหรับในวิธีการที่สอง เป็นแนวทางการบริหารที่ ลีโอ เบอร์เนทท์ มุ่งเน้นขยายฐานในกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยคัดเลือกเข้าพิทช์งานในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในรอบปีนี้เราได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในธุรกิจโทรคมนาคม คือ บริษัทร่วมค้า ไทย โมบายล์ 1900 และกิจกรรมการตลาดของโทรศัพท์โนเกีย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลตอบรับจากการร่วมงานพิทช์จากลูกค้าใหม่อีก 2 - 3 ราย โดยกลุ่มลูกค้าใหม่เหล่านี้ เป็นกลุ่มธุรกิจ Local ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเอื้อโอกาสในการสร้างสรรค์งานโฆษณาที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน"
การปรับทีมบริหารงานสร้างสรรค์โฆษณา
ในขณะเดียวกันในปี 2546 นี้ ลีโอ เบอร์เนทท์ยังได้ปรับการบริหารงานในส่วนของงานสร้างสรรค์โฆษณา ภายใต้การนำของนางสาวประพาฬรัตน์ ตงสิริ ได้ใช้การบริหารงานแบบ Flat organization ปรับโครงสร้างให้มีทีมงานสร้างสรรค์รวมทั้งสิ้น 6 ทีมงานด้วยกัน ส่งผลให้ครีเอทีฟมีอิสระในการทำงานด้านงานสร้างสรรค์มากขึ้น และรับผิดชอบสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งมีความท้าทายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งแนวทางนี้ได้นำไปสู่การยกระดับงานครีเอทีฟของลีโอ เบอร์เนทท์ให้กลับสู่ตำแหน่งผู้นำด้านงานครีเอทีฟหนีงในสามของงานครีเอทีฟชั้นนำของประเทศไทย
"การปรับเปลี่ยนการบริหารงานทีมงานครีเอทีฟในครั้งนี้ บรรลุเป้าหมายตามที่เราตั้งไว้ โดยในปีนี้เราได้รับรางวัลแอดเฟส 4 รางวัล และ แทคท์ อวอร์ดในปีนี้รวม 7 รางวัล ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีของการปรับเปลี่ยนการบริหารงานดังกล่าว โดยเราจะยังคงยึดแนวทางดังกล่าวในการพัฒนางานครีเอทีฟอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตั้งเป้าไว้ว่าอย่างน้อยที่สุดงานสร้างสรรค์ของเราจะต้องติดอันดับหนึ่งในสามของงาน ครีเอทีฟในประเทศ"
กรรมการผู้จัดการลีโอ เบอร์เนทท์กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจากการบริหารงานในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้แนวทางการบริหารใหม่นั้นทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 12% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งการเติบโตนี้เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจของกลุ่มลูกค้าเก่า การได้ลูกค้ารายใหม่ รวมทั้งยังเป็นผลมาจากการที่ลีโอ เบอร์เนทท์ได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ในสามธุรกิจสำคัญคือ iLeo, LeoActivation ทั้งในส่วนของงานประชาสัมพันธ์และงานส่งเสริมการขาย อย่างไรก็ตามในปี 2546 นี้พบว่าธุรกิจโฆษณาโดยรวมจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15 - 17% ประกอบกับในไตรมาสสุดท้ายของปี ลีโอ เบอร์เนทท์ยังได้รับมอบหมายงานใหม่ๆ จากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ คาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทฯ จะสอดคล้องกับทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวของธุรกิจโฆษณาโดยรวม
เตรียมเปิดหลักสูตร LB University พัฒนาบุคลากรของเบอร์เนทท์รองรับการให้บริการลูกค้า
กรรมการผู้จัดการยังกล่าวด้วยว่า เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทีเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ลีโอ เบอร์เนทท์ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา บุคลากรสูงสุด โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกอบรมให้ความรู้ใหม่ๆ พร้อมทั้งงบประมาณสำหรับการสร้างขวัญกำลังใจ รวมทั้งสิ้น 7 ล้านบาท
"เนื่องจากบุคลากรเป็นหัวใจสำคัญสูงสุดของเรา ในปีนี้ลีโอ เบอร์เนทท์ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนของเราอย่างต่อเนื่อง ผ่านการอบรมในเรื่องต่างๆ ในขณะเดียวกัน ลีโอเบอร์เนทท์ เอเชีย - แปซิฟิค โดยวางแนวทางการพัฒนาบุคลากร โดยจัดตั้ง Leo Burnett University ซึ่งจะพัฒนาบุคลากรในสามระดับให้เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ กล่าวคือในกลุ่มพนักงานใหม่ กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง และกลุ่มผู้บริหารระดับสูง โดยเป็นหลักสูตรที่พัฒนาทั้งด้านงานสร้างสรรค์โฆษณา การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสาร และการบริหารระดับสูง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพและทักษะของของบุคลากรของลีโอ เบอร์เนทท์ทุกคน ทั้งนี้ลีโอ เบอร์เนทท์ประเทศไทยได้พัฒนาบุคลากรตามแนวทางของ Leo Burnett University ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานภูมิภาค ทั้งนี้คาดว่า ลีโอ เบอร์เนทท์ประเทศไทย จะสามารถเริ่มดำเนินการหลักสูตร Leo Burnett University ได้ในต้นปี 2547"
นางสาวอ่อนอุษายังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันธุรกิจโฆษณาอยู่ในช่วงฟื้นตัวเช่นเดียวกับเศรษฐกิจของประเทศ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ บุคลากรที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้กลับลดน้อยลง โดยในช่วงระยะเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา คนโฆษณาที่มีประสบการณ์ได้ออกจากธุรกิจนี้ ในขณะเดียวกันคนที่เข้ามาใหม่ ไม่ว่านักศึกษาทีเพิ่งจบหรือบุคคลทีมีประสบการณ์ในวงการอื่นนั้นยังต้องการการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพในงานด้านการสื่อสารอย่างมาก
"จะเห็นได้ว่าในภาพรวม การพัฒนาบุคลากรของธุรกิจโฆษณาไม่อยู่ในสัดส่วนที่สัมพันธ์กับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อการดำเนินของอุตสาหกรรมโฆษณาในอนาคตอันใกล้และระยะยาว นอกจากลีโอ เบอร์เนทท์จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯอย่างจริงจังแล้ว ยังอยากจะเรียกร้องให้เอเยนซี่ต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นสมาคมโฆษณา เป็นต้น ร่วมกันพัฒนาบุคลากรใหม่ๆ เข้าสู่วงการ รวมทั้งเสริมเขี้ยวเล็บให้กับบุคลากรในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ก่อนที่จะเกิดการดึงตัวกันไปมา และส่งผลเสียต่อการพัฒนาธุรกิจโฆษณาในประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้" กรรมการผู้จัดการลีโอ เบอร์เนทท์กล่าวในท้ายที่สุด
Prasit Charoensasanakul
PR Executive
Leo Burnett (Bangkok)
Tel 66 2 684 5699 (direct)
Fax 66 2 684 5701--จบ--
-รก-