“กพช.” เห็นชอบให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--กพช.

“กพช.” เห็นชอบให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมากที่ใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง 30 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 7 ปี เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรับทราบความคืบหน้า พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน เป้าหมายเอ็นจีวีในการทดแทนน้ำมันเบนซินและดีเซลในปี 54 ได้กว่า 75,000 ล้านบาท/ปี และการรุกสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศของ ปตท.สผ. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน การประชุมวันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2550) มีมติเห็นชอบการเพิ่มเติมการสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง โดยกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ที่ใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง เท่ากับ 30 สตางค์ต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี นับจากวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โดยมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายออกประกาศต่อไป ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด และยังช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอันเนื่องจากการน้ำเสียหรือของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือฟาร์มปศุสัตว์ผลิตเป็นก๊าซชีวภาพผลิตไฟฟ้าได้และเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมพลังงานทดแทนที่ได้กำหนดเป้าหมายในปี 2554 ให้มีการใช้ประโยชน์จากน้ำเสียโรงงานอุตสาหกรรมและมูลสัตว์มาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพและใช้เป็นพลังงาน 30 เมกะวัตต์ ทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 14 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ และในการประชุม กพช. ครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าการยกร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. .... ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ และรับทราบขั้นตอนการดำเนินยกร่างกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 กระทรวงพลังงาน กำหนดจัดรับฟังความคิดเห็น จำนวน 4 ครั้ง ใน 4 จังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภาค ประกอบด้วย 1. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (9 ก.พ.50) 2. กทม. (12 ก.พ.50) 3. จังหวัดขอนแก่น (14 ก.พ.50) และ 4 เชียงใหม่ (17 ก.พ.50) ซึ่งภายหลังการจัดรับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานฯ จะนำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาภายในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2550 อีกครั้ง เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเดือนมีนาคม 2550 นอกจากนี้ กพช. รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่ง โดยสถานภาพปัจจุบันมีรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ NGV ทั้งสิ้น 26,985 คัน แบ่งเป็นรถยนต์เบนซิน 23,843 คัน รถดีเซล 2,679 คัน และรถที่เป็นเครื่องยนต์ NGV 463 คัน โดยมีสถานีที่ให้บริการแล้ว 104 สถานี และมีบริษัทรับติดตั้งอุปกรณ์ NGV ทั้งสิ้น 122 บริษัท และได้รับการรับรองมาตรฐานการติดตั้งจาก ปตท. แล้ว 18 บริษัท ทั้งนี้ เป้าหมายในการส่งเสริม NGV ทั้งจำนวนรถและสถานีบริการระหว่างปี 2550-2554 จะมุ่งเน้นกลุ่มรถใหญ่ เช่น รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุก/รถหัวลาก เพราะจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งคนและสินค้า โดยมีเป้าหมายการขยายจำนวนรถในปี 2554 รวมทั้งสิ้น 256,600 คัน แบ่งเป็นรถเบนซินจำนวน 160,000 คัน และรถดีเซลจำนวน 96,600 คัน และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2554 การส่งเสริมการใช้ NGV จะสามารถทดแทนการใช้น้ำมันเบนซินได้ 12% คิดเป็นมูลค่ากว่า 14,015 ล้านบาทต่อปี และทดแทนน้ำมันดีเซล ได้ถึง 24% หรือคิดเป็นมูลค่า 61,720 ล้านบาท รวมมูลค่าการทดแทนน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ถึง 75,735 ล้านบาท นอกจากนี้ กพช.ได้รับทราบความคืบหน้าของ บริษัท ปตท.สผ.จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินงานการลงทุนพัฒนาแหล่งพลังงานในต่างประเทศ ซึ่งได้มุ่งเน้นในประเทศที่มีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูงเพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย แบ่งเป็นกลุ่มประเทศในภูมิภาคใหญ่ๆ 3 ภูมิภาค ประกอบด้วย 1.ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และประเทศปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย และติมอร์ 2. กลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศในกลุ่มโซเวียตเดิม ได้แก่ โอมาน อิหร่าน บาร์เรน กาตาร์ คาซัคสถาน และ 3. กลุ่มภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ อัลจิเรีย อียิปต์ ซูดาน ไนจีเรีย ประเทศลิเบียและแอลโกล่า

ข่าวกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ+นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์วันนี้

บอร์ด ปตท. เคาะแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง ยึดมั่นธรรมาภิบาลต่อทุกภาคส่วน

เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท มุ่งช่วยเหลือประชาชน มั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน (ตั้งแต่มกราคม เมษายน 2566) และขอความร่วมมือ ปตท

กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลั... สนพ. จัดกิจกรรมสัมมนา “สร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผนPDP 2018” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา — กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมสัม...

กิจกรรมสัมมนา “การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผน PDP 2018 " ภาคตะวันออก

กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมสัมมนา "การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 (Power Development Plan : PDP 2018) ภาคตะวันออก" ซึ่งแผนดังกล่าวได้ผ่านความ...

หลังผลประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน... นักลงทุนข้ามชาติ ห่วงรัฐไม่เร่งต่อสัญญา SPPกระทบอุตสาหกรรม ฉุด EEC สะดุด — หลังผลประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 9 สิงหาคม 2561 ระบุว่า ...

รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2561

วันนี้ (8 มีนาคม 2561) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2561 (ครั้งที่ 14) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ...

กพช. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สัมปทานจะสิ้นอายุ

วันนี้ (8 มีนาคม 2561) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2561 (ครั้งที่ 14) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีวาระรับทราบในหลักการการบริหารจัดการ...

กกพ. ย้ำหลักการตามนโยบายการกำหนดโครงสร้างค่าฟ้าฟ้าใหม่ ปี 61

"กกพ."ย้ำชัด "ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่" รอบล่าสุด ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา เพื่อดูผลกระทบให้รอบด้านอย่างสมดุล พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนก่อนประกาศใช้ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า...