สถาบันวิจัยนครหลวงไทย จับมือนิด้า มองเศรษฐกิจโลก ชี้วิกฤติสหรัฐ ส่งผลต่อการส่งออกและการจ้างงานของไทยชัดเจนแล้ว

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--สถาบันวิจัยนครหลวงไทย

สถาบันวิจัยนครหลวงไทย จับมือNIDA Business School จัดทำบทวิจัย ผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกต่อการจ้างงานในประเทศไทย เชื่อวิกฤติการเงินสหรัฐ-ยุโรป ถึงจุดต่ำสุดในปีหน้า ก่อนจะฟื้นตัวในปี 2553 ประเด็น สำคัญคือ การแก้ไขปัญหาการว่างงาน และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องรอจนกว่าประธานาธิบดีคนใหม่รับตำแหน่ง ด้านนิด้าประเมิน เศรษฐกิจไทยจะยังคงมีการเติบโต แต่อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 2% จากเดิมคาดโต 3.6-4% และอัตราคนตกงานจะไม่ถึง 1 ล้านคนอย่างที่กังวล นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัย นครหลวงไทย (Siam City Research Institution : SCRI) เปิดเผยในงานเสวนาภายใต้หัวข้อ Crisis Watch Series 2 : November 2008 “ผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกต่อการจ้างงานในประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ตลาดหลักทรัพย์ mai ,โครงการสร้าง “CFO มืออาชีพ” NIDA Business School และ สถาบันวิจัย นครหลวงไทย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 ของปี 2552 หลังจากนั้นจะเริ่มฟื้นตัว โดยสาเหตุของการที่สหรัฐฯ ฟื้นตัวล่าช้ามาจากความไม่ชัดเจนของกระบวนการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งควรจะได้ข้อสรุปและดำเนินการตามแผนกู้วิกฤติการเงินซึ่งมีวงเงิน 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ทำการเปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะมีการจัดตั้งหน่วยงานมาซื้อสินทรัพย์ด้อยค่าออกจากสถาบันการเงิน เพื่อลดปัญหาการขาดทุนและการเพิ่มทุนของสถาบันการเงิน โดยเปลี่ยนเป็นการเข้าไปลงทุนในสถาบันการเงินแทน ผลจากการเปลี่ยนแผนทำให้ตลาดฯประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของสถาบันการเงินกันใหม่และส่งผลให้ราคาหุ้นของ Citi ปรับลง 83 % และในที่สุดสหรัฐฯ ต้องเข้าไปค้ำประกัน Citi ด้วยวงเงิน 306,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่มทุน Citi 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และที่สำคัญคือ การที่สหรัฐฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายคณะรัฐบาลทำให้ความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาภาคเศรษฐกิจจริงอาทิ การช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ การแก้ไขปัญหาการว่างงาน และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องรอจนกว่าประธานาธิบดีคนใหม่ นายโอบามาเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2552 ทั้งนี้ ในขณะที่ภาพรวมของการประชุมร่วมกันของผู้นำโลกกลุ่ม G-20 และนโยบายของแต่ละประเทศในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น มีจุดร่วมกันที่เน้นการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการคลังแบบขยายตัวด้วยการตั้งงบประมาณรัฐแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น โดย มีความเห็นว่าประเทศที่มีความก้าวหน้าในการดำเนินนโยบายในการแก้ไขปัญหามากที่สุดคือ จีน และประเทศในแถบเอเชียที่ได้เริ่มใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ “ขณะที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่จากการชะลอลงของภาคการส่งออก โดยทิศทางของภาคส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 4/2551 และ ปี 2552 ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการชะลอตัวลงมากกว่าคาดการณ์ โดยการขยายตัวของภาคการส่งออกของไทยในปี 2551 โดยเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 15.0-20.0% และ 2-6% ในปี 2552 ทั้งนี้ในเบื้องต้นประเมินว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างมากในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา”นายสุกิจ กล่าว ทางด้าน รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School และ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยนครหลวงไทย กล่าวว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2552 จะได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งในส่วนผลการดำเนินงาน การลงทุน และอัตราการจ้างงานจะลดลง ซึ่งส่งผลต่อภาคการผลิตสินค้าของไทย ที่มีตลาดส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป ประเทศในแถบอาเซียน อย่างไรก็ตาม หากประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอาหารทะเลแช่แข็ง ขณะที่สินค้าในกลุ่มเกษตรและภาคบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่นร้านค้าปลีก ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจ การลงทุน และความต้องการของลูกค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ราคาแพง ที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดมาเป็นการทำกิจกรรมการตลาด การประชาสัมพันธ์ และการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายกับลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งจะมีประสิทธิภาพและส่งผลให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าการโฆษณาผ่านสื่อ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า “ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2552 จะมีความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แต่ทาง NIDA Business School และสถาบันวิจัยนครหลวงไทยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะยังคงมีการเติบโต ประมาณ 3.6-4% อัตราคนตกงานไม่ถึง 1 ล้านคน อย่างที่หลายฝ่ายกังวล เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540- 2541 ที่เศรษฐกิจไทยติดลบ แต่ช่วงดังกล่าวยังมีอัตราว่างงานอยู่แค่ 4% จากผู้ใช้แรงงานทั้งประเทศที่มี 37 ล้านคน แต่หากปีหน้า สถานการณ์เลวร้ายลง คาดว่าจะมีคนตกงานอย่างมากที่สุดไม่เกิน 1.5 ล้านคน” รศ.ดร.เอกชัยกล่าว คณบดี NIDA Business School ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ใช้แรงงานและกลุ่มพนักงานบริษัทฯ มีความตื่นตระหนกต่อการรับข่าวสารเกี่ยวกับการปลดพนักงาน ทำให้หลายคนมีความกังวล แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม ก็สามารถรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นได้ เช่น ลดค่าใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือย และหันมาออมเงินมากขึ้น แต่ก็ไม่ควรลดการใช้จ่ายในสินค้าในชีวิตประจำวัน ซึ่งหากภาครัฐปล่อยให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในลักษณะเช่นนี้ต่อไป เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดได้ในอนาคต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : กฤติยาพร พลตรี (บุ๋ม) โทร 02-624-8965 มือถือ 089-6368-414 E-mail : Kritiyapornp@scis.co.th สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวสถาบันวิจัยนครหลวงไทย+สุกิจ อุดมศิริกุลวันนี้

ภาพข่าว: “วิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 53”

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ นิด้า อดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารระดับสูง บ.เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และคุณยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์ รองกรรมการผู้อำนวยการบริหาร บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และแนวโน้มอุตสาหกรรมเด่นปี 53 ในงานเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 2/2553 จัดโดย ศูนย์พัฒนาธุรกิจตลาดทุน สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับนิด้า

ภาพข่าว: ลงทุนอย่างไรในเศรษฐกิจขาลง

ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดเสวนา "ลงทุนอย่างไรในเศรษฐกิจขาลง เพื่อร่ำรวยอย่างมั่นคง และยั่งยืนแบบ วอเรน บัฟเฟ็ตต์" พร้อมแนะนำหนังสือ วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ และการตีความงบประมาณ โดยมี ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิเคราะห์ด้านการเงิน การลงทุน เศรษฐศาสตร์...

ภาพข่าว: ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School (ขวา) และสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (กลาง) ร่วมเสวนาและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงินในหัวข้อ “Crisis Watch Series 10 : ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศ...

เสวนาวิเคราะห์เศรษฐกิจการเงิน “ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศใดสอบผ่านหรือตก”

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch series 10 : “ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศใดสอบผ่านหรือตก” ร่วมวิเคราะห์เจาะลึกทิศทางของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจ...

ภาพข่าว: การเสวนา Crisis Watch Series 9: August 2009

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย และ รศ.ดร. เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน...

ภาพข่าว: บริษัทใดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้กับนักลงทุน

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School (ขวา) สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (ซ้าย) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Crisis Watch Series 9 : Investment @ Risk Rating Map” และ “บริษัทใดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด...

ภาพข่าว: Crisis Watch จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School และนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ร่วมเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch Series 8 “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังการล้มละลายของ GM” ซึ่งจัดขึ้น...

ภาพข่าว: เสวนาจับตาอุตฯยานยนต์ไทย หลัง GMล้มละลาย

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ (ขวาสุด) คณบดี NIDA Business School นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน (ที่ 2 จากขวา) รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ คณาสวัสดิ์ (กลาง) รักษาการผู้อำนวยการ สำนักยุทธศาสตร์และนโยบายการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่ง...

แนะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เร่งปรับตัว เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระระยาว หลังตกต่ำสุดขีด

‘สถาบันวิจัยนครหลวงไทย’ ชี้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ตกต่ำถึงขีดสุด รอการฟื้นตัว ด้าน ‘นิด้า บิซิเนส สคูล’ เผยดัชนีชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยสะท้อนถึงภาวะวิกฤติ...

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนา : จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลัง GM ล้มละลาย

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch series 8 “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังการล้มละลายของ GM” วิเคราะห์เจาะลึกทิศทางของเศรษฐกิจ...