“สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล” บอกผู้ถือหุ้น MILL สบายใจหายห่วงโครงการ “Green Mill Project” เดินหน้าได้แบบไร้กังวล เพราะไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องการลงทุนในมาบตาพุด ตอนนี้อยู่ระหว่างการวางโครงสร้างพื้นฐาน และคาดจะสามารถเริ่มการผลิตได้ในปลายปี ค.ศ. 2011 โดยมีกำลังการผลิตถึง 500,000 ตันต่อปี ซึ่งจากการที่มีโรงหลอมที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง มั่นใจจะทำให้ MILL มีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15-20%
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยในฐานะประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทมิลล์คอนสตีล กล่าวถึงประเด็นปัญหาการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่หลายฝ่ายในประเทศเกิดความกังวลอยู่นั้น ไม่มีผลกระทบกับโครงการ “Green Mill Project” ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่มมิลล์คอนสตีลแต่อย่างใด เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่อยู่ในข่ายดังกล่าว โดยยังคงสามารถเดินหน้าโครงการตามปกติ ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐาน และตามแผนงานจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี ค.ศ.2012 โดยจะมีกำลังการผลิต 500,000 ตันต่อปี
โครงการ “Green Mill Project” จะตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง เป็นโรงงานสำหรับผลิตเหล็กคุณภาพสูงพิเศษ (low, medium, and high carbon steel) ด้วยเศษเหล็กโดยใช้เทคโนโลยีระดับสูง โดยมีการติดตั้งโรงงานบำบัดไอเสียรุ่นใหม่ล่าสุด (State of the Art Fume Treatment Plant) ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี สามารถรับประกันคุณภาพอากาศดีกว่ามาตรฐานการควบคุมของโลก (เพียง 1 ใน 3 ของที่กฎหมายกำหนด) โดยโครงการนี้ใช้เทคโนโลยี Electric Arc Technology (FASTARCTM) และ Vacuum Degassing Technology (VD) ทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของมลภาวะสิ่งแวดล้อม และเป็นโครงการแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ สินทรัพย์ของโครงการ Green Mill ได้แก่ เตาหลอมอาร์คไฟฟ้า(Electronic Arc Furnace: EAF ) โดยโครงการเตาหลอมมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังคงต้องนำเข้า billet อยู่
“ผู้ถือหุ้น MILL ทุกท่าน ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เพราะถึงแม้ว่าโครงการ Green Mill Project จะตั้งอยู่ที่ระยอง แต่เราไม่อยู่ในข่ายที่ต้องระงับการลงทุน โดยโครงการนี้ยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ และปัจจุบันก็ยังเดินหน้าตามแผนงานที่วางเอาไว้ ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ณ ปัจจุบัน และคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้ในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งจากการที่มีโรงหลอมที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง เชื่อว่าจะทำให้ MILL มีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15-20% ซึ่งนอกจากอัตราการทำกำไรที่จะเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังจะก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มธุรกิจของมิลล์คอนสตีลอย่างมาก คือช่วยป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบและเป็นการลดต้นทุนการผลิต , ขยายผลิตภัณฑ์สินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ตรงตามความต้องการลูกค้า และสามารถแข่งขันได้ในอนาคต”
นายสิทธิชัยกล่าวต่อในช่วงท้ายว่าขณะนี้ความต้องการใช้เหล็กของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับราคาเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้นซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมาก ดังนั้นทำให้มั่นว่าในปี 2553 จะสามารถผลักดันผลประกอบการของ MILLให้แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 10 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
IR network : คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) e-mail : natsinee@irnetwork.co.th
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว (มิกซ์) e-mail : nattaphong@irnetwork.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net