กรมส่งออกฯจัดงานไทยเรสตอรองท์วีคที่นิวยอร์ค เร่งรณรงค์อาหารไทยแท้ในต่างแดน เปิดเทคนิคแจ้งเกิดร้านอาหารมาตรฐานไทยซีเล็กซ์ แนะผู้ประกอบการผุดร้านแบบไหนโดนใจผู้บริโภคมากที่สุด
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าและธุรกิจบริการบนพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างตราสินค้า นวัตกรรม การสร้างสรรค์ ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจการค้าโลกยุคใหม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และคณะภาครัฐ-เอกชนจะเดินทางร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญที่ 67 และมีกำหนดการหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา เยือนนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ ระหว่างวันที่ 23 - 27 ก.ย.นี้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้นายกฯจะเข้าร่วมงานนิวยอร์กซิตี้ ไทยเรสตอรอง วีค (NYC Restaurant Week)ด้วย
“กรมฯจัดงาน นิวยอร์กซิตี้ ไทยเรสตอรอง วีค ซึ่งการจัดสัปดาห์อาหารไทยที่ได้รวบรวมเมนูพิเศษในราคาย่อมเยาสำหรับอาหารกลางวันและกลางคืน พร้อมมอบส่วนลดพิเศษในช่วงดังกล่าว เพื่อช่วยให้ชาวต่างชาติได้รู้จักอาหารไทยมากขึ้น และเพิ่มศักยภาพของอาหารไทยในต่างแดน ดังนั้นหากอาหารไทยได้รับการต่อยอด ก็จะสามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขวางขึ้น โดยร้านอาหารไทยที่เข้าร่วมโครงการไทยซีเล็กซ์(Thai Select) ทางกรมฯมีแผนจะจัดงานรูปแบบนี้ปีละ 1-2 ครั้ง ในหัวเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศตั้งอยู่ อาทิ ลอสแองเจลีส ไมอามี ชิคาโก เป็นต้น”นางนันทวัลย์ กล่าว
ทั้งนี้ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ-โอเชียเนียนั้น ทูตพาณิชย์ ณ นครโตรอนโต รายงาน สถานการณ์ตลาดร้านอาหารไทยในแคนาดาว่า จากการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการในแคนาดา ยังขาดความรู้และเข้าใจอาหารไทยแท้ ซึ่งสูตรอาหารไทยที่จำหน่ายในแคนาดาได้มีการดัดแปลง โดยการใช้วัตถุดิบทดแทน ทำให้ความเป็นอาหารไทยผิดเพี้ยนไปจากสูตรดั่งเดิม กรมฯจึงได้เร่งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ เพื่อยกระดับอาหารไทยให้เห็นชัดเจน ป้องกันผู้บริโภคสับสนและสร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าบริการของประเทศไทย
“มาตรฐานของร้านอาหารไทยที่ได้มอบให้ผู้ประกอบการ ภายในตราสัญลักษณ์ไทยซีเล็กซ์จะเป็นโอกาสอันดีที่จะกระตุ้นส่งเสริมสร้างการลงทุนธุรกิจร้านอาหารไทยในแคนาดา ซึ่งตราสัญลักษณ์ไทยซีเล็กซ์ เป็นเครื่องหมายรับรองจากกรมส่งเสริมการส่งออกว่า เป็นร้านอาหารไทยที่ได้มาตรฐานทั้งบริการและรสชาด ใช้วัตถุดิบของไทยเป็นส่วนใหญ่ หรือ ทั้งหมด ทำให้ชาติอื่นๆ ในเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม เลียนแบบได้ยาก ซึ่งอาหารไทยเป็นที่นิยมในอันดับ 3 รองจากอาหารจีน และญี่ปุ่นเท่านั้น โดยอาหารไทยเป็นที่รู้จักและคุ้นเคย กับชาวแคนาดาเป็นอย่างดี ได้แก่ ผัดไท แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง เสริฟพร้อมกับข้าวหอมมะลิ”นางนันทวัลย์ กล่าว
ทั้งนี้ร้านอาหารไทยที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบเดิม ที่เน้นการตกแต่งแบบไทย ใช้บริกรจำนวนมาก ทำให้มีต้นทุนสูง ยังมีการเลือกทำเลและขนาดพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการพึ่งพาความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของพ่อครัวมากเกินไป ฯลฯ เหล่านี้ เป็นปัญหาอุปสรรคทำธุรกิจร้านอาหารไทยให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับรูปแบบร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จเหมาะกับการลงทุนร้านอาหารไทย ในยุคปัจจุบันนั้น ทำเลที่ตั้ง ควรอยู่กลางใจเมือง แต่นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ที่หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีค่าเช่าสูง เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงในการทำธุรกิจ แต่ลืมไปว่า ทำเลเป็นปัจจัยที่สำคัญในธุรกิจด้านนี้ โดยที่ตั้งที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ร้านที่ตั้งอยู่ใกล้อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ที่มีความหนาแน่นของประชากร โดยร้านไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากนัก (เนื้อที่ประมาณ 1,000-1,5000 ตารางฟุต) รวมขนาดโต๊ะเก้าอี้มีขนาดไม่มากหรือ ใช้โต๊ะส่วนกลาง หรือ โต๊ะขนาดเล็ก ซึ่งแต่ละโต๊ะจะใช้เวลานั่งทานไม่นาน และเน้นการชาวแคนาดาสั่งซื้ออาหารกลับบ้าน
การตกแต่งร้านสไตล์ควรเป็นแบบตะวันตก ที่ไม่จำเป็นต้องมีความหรูหราหรือการลงทุนที่สูง แต่ขอให้มีลักษณะทันสมัย หรือ วินเทจ ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอายุประมาณ 20-40 ปี ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีรายได้สูงและไลฟ์สไตส์ โสด ไม่นิยมปรุงอาหารที่บ้าน) ทั้งนี้ร้านอาหารอาจมีเคาน์เตอร์บาร์ จำหน่ายเครื่องดื่มเบียร์ ไวน์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีกำไรต่อหน่วยสูง และลูกค้าสามารถเดินเข้ามานั่งทานคนเดียวได้
“จำนวนรายการเมนูอาหารไม่ต้องมีมาก การใช้รูปภาพอาหารไทยประกอบ จะทำให้การสื่อสารเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งควรเน้นถึงรายการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาทิ เน้นการใช้ สมุนไพร วัตถุดิบธรรมชาติ เน้นความสดสะอาด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลโภชนาการวัตถุดิบของไทย อีกทั้งคุณสมบัติของบริกรที่ควรพิจารณาจ้างชาวตะวันตกที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี”
นอกจากนี้ควรทำธุรกิจเสริม รายได้เพิ่มจากการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ วัฒนธรรมหนึ่งของชาวแคนาดาที่ส่วนใหญ่นิยมได้แก่ จัดงานเลี้ยงที่บ้านพัก หรือที่ทำงาน ตามเทศกาลต่างๆ รวมถึงงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงในโรงแรมที่ส่วนใหญ่จะไม่มีอาหารไทย ปัจจุบันร้านอาหารไทยหลายร้านได้เริ่มขยายธุรกิจไปในไลน์ดังกล่าว เนื่องจากมีกำไรสูงและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ การใช้สูตรอาหารที่ง่ายต่อการปรุง จะใช้เทคนิคการใช้ซอสปรุงรสสำเร็จที่ผลิตจากส่วนกลางไว้ล่วงหน้า เปิดคอร์สสอนการปรุงอาหารไทยในช่วงวันหยุด หรือช่วงที่ไม่ใช่เวลาเร่งด่วน ที่เป็นโอกาสในการสร้างรายได้เสริมและนำไปสู่การขยายกลุ่มฐานลูกค้าอีกทางหนึ่ง-กภ-