วสท. ตรวจสอบชิ้นส่วนคานสะพานหล่อสำเร็จที่ร่วงหล่นและตอม่อที่เกิดเหตุ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในจ.พระนครศรีอยุธยา

          วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ (วสท.) และสภาวิศวกร ลงพื้นที่สำรวจวิเคราะห์ในพื้นที่อุบัติภัยจากชิ้นส่วนคานสะพานคอนกรีตสำเร็จ หรือเซ็กเมนท์ 9 ชิ้น ที่เชื่อมระหว่าง แม่น้ำเจ้าพระยา ตอม่อของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยาที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างร่วงหล่น ณ หมู่ พระนครศรีอยุธยา ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา (ใกล้หมู่บ้านโปรตุเกส) เมื่อเวลา พระนครศรีอยุธยาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย.กรมทางหลวงชนบทวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย น. ของวันที่ 5 มกราคม แม่น้ำเจ้าพระยา559 ซึ่งเป็นโครงการของกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบการก่อสร้างและใช้งบประมาณ โดยได้มอบพื้นที่ให้บริษัท ประยูรวิศร์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง 
          คณะผู้บริหารวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ (วสท.) องค์กรเสาหลักด้านวิศวกรรมของประเทศไทย นำโดย รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ วสท. และรศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. พร้อมด้วย ศ.ดร. อมร พิมานมาศ กรรมการอำนวยการ วสท. และเลขาธิการสภาวิศวกร ได้เดินทางลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อค้นหาและวิเคราะห์สาเหตุทางวิศวกรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่าจุดที่เกิดเหตุเป็นสะพานแบบคานรูปกล่อง (Box Girder Bridge) คอนกรีตสร้างใหม่ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากถนนสายอยุธยา-บางปะอิน (สายใน) ช่วงต.เกาะเรียน ไปฝั่งตะวันตก ถนนสายวัดไก่เตี้ย-สำเภาล่ม ช่วง ต.สำเภาล่ม ใกล้หมู่บ้านโปรตุเกส ความยาว กรมทางหลวงชนบท8วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เมตร 4 ช่องการจราจร เพื่อใช้เป็นถนนเลี่ยงเมือง จากถนนสายเอเชีย ตัดข้ามไปถนนสาย กรมทางหลวงชนบท47 บางปะหัน-ปทุมธานี ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จไปแล้วประมาณร้อยละ 65 เหตุเกิดจากระหว่างที่กำลังติดตั้งเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนคานสะพานซึ่งเป็นคอนกรีตหล่อสำเร็จ (Segment) จำนวน พระนครศรีอยุธยาแม่น้ำเจ้าพระยา ชิ้น ได้ยกขึ้นรองเพื่อรอร้อยลวดอัดแรง (Tendon Cable) จำนวน 9 ชิ้น ยังเหลืออีก กรมทางหลวงชนบท ชิ้น ก่อนจะเคลื่อนไปเชื่อมระหว่าง แม่น้ำเจ้าพระยา ตอม่อของสะพาน รวมความยาวช่วงทั้งหมด กรมทางหลวงชนบท6 เมตร 
          รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ (Assoc.Prof.Siriwat ChaiChana) เลขาธิการ วสท. กล่าวว่า "การลงพื้นที่เกิดเหตุในครั้งนี้ วสท.ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นของ วสท. เอง รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิศวกร เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุปัญหา และจะมีวิธีการปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะมีการดำเนินการสร้างต่อให้แล้วเสร็จ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า สะพานที่กำลังก่อสร้างเป็นการก่อสร้างสะพาน แม่น้ำเจ้าพระยา ทิศจราจร รวม แม่น้ำเจ้าพระยา ตัว สร้างเสร็จไปแล้ว พระนครศรีอยุธยา ตัว เหลืออีก พระนครศรีอยุธยา ตัว ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดปัญหาขึ้น จากการดูโครงสร้างของตัวสะพานแถวที่สร้างเสร็จแล้ว ทำให้เห็นได้ว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งคานสะพานด้วยโครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) ที่เป็นตัวยกชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตสำเร็จรูป (Segment) ขึ้นมาเรียงต่อกันทีละชิ้นส่วนแล้วทำการเลื่อนมาประกบให้เต็มก่อนจะร้อยลวดอัดแรง ในการยกชิ้นส่วนสะพานใช้ตัวโครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) มีที่รองรับ วางบนฐานที่อยู่บนตอม่อร่วมกับหูช้าง (Bracket) เพื่อช่วยรับน้ำหนักบรรทุก สันนิษฐานว่าขณะที่โครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) กำลังยกชิ้นส่วนสะพานอยู่นั้นโครงสร้างชั่วคราวอาจทรุดเอียงไปด้านหนึ่ง จึงทำให้โครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) เสียเสถียรภาพและพลิกร่วงลงมา ทำให้ชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนท์ที่ห้อยติดไว้ใต้โครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) ร่วงหล่นลงมาด้วย ขณะเดียวกันปลายของฐานตอม่ออีกต้นหนึ่งที่สร้างเสร็จแล้วก็ถูกดึงจนหักไปด้วย คาดว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดในขณะก่อสร้าง"
          ศ.ดร. อมร พิมานมาศ (Prof.Dr.Amorn Pimanmas) กรรมการอำนวยการ วสท. และเลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า "ลักษณะของการก่อสร้างสะพานแบบนี้ในประเทศไทยเรามีประสบการณ์มามากมาย สาเหตุอาจมาจากเรื่องของคน และขั้นตอนการทำงานว่าถูกต้องตามหลักมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งต้องใช้วิธีการสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งเรื่องของวัสดุที่ใช้ รวมถึงวิศวกรผู้ควบคุมงานว่าเป็นไปตามหลักมาตรฐานวิศวกรรมหรือไม่ ทั้งนี้ต้องขอเวลาเพื่อวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ในเบื้องต้น วสท. แนะนำ ให้ผู้รับเหมารื้อถอนชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตสำเร็จรูป (Segment) และโครงเหล็กเลื่อน (Launching Truss) ที่มีปัญหาออกให้หมด และไม่นำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมกับเสาตอม่อที่มีปัญหาแตกร้าวแนะนำให้ทุบทิ้งแล้วหล่อขึ้นมาใหม่ สำหรับการหลุดของตัวหูช้าง (Bracket) ที่ใช้รองรับน้ำหนักบรรทุกของชิ้นส่วนสะพาน และโครงเหล็กเลื่อน ต้องดูอีกทีว่ามีกำลังรับน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ ซึ่งต้องอยู่ที่วิธีการยึดหูช้าง (Bracket) เข้ากับตัวเสา จากเหล็ก 4 เส้น จึงต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้งว่า เหล็ก 4 เส้น สามารถรับน้ำหนักบรรทุกของชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตสำเร็จรูป และโครงเหล็กเลื่อน ที่กำลังติดตั้งแต่ละตัว จำนวนรวม พระนครศรีอยุธยาแม่น้ำเจ้าพระยา ตัว ซึ่งหนักรวมประมาณ 4วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตัน ได้หรือไม่"
          รศ.เอนก ศิริพานิชกร (Assoc.Prof.Anek Siripanichgorn) ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. กล่าวสรุปว่า "จากการตรวจสอบการพังทลายของชิ้นส่วนคานรูปกล่องที่เกิดขึ้น มีความจำเป็นที่โครงการนี้จำเป็นต้องดำเนินการก่อสร้างต่อไป วสท. ได้แนะนำให้ผู้รับจ้างดำเนินการจัดส่งผังความเสียหายตามรูปตามยาว (profile) ของแนวสะพาน ระบุตำแหน่งของตอม่อ (pier) ตัวสุดท้าย ที่ตัวริมของคานชิ้นส่วนอัดแรงที่เกิดความเสียหายเฉพาะส่วนบนของตอม่อ โดยทำการสำรวจตำแหน่งของตอม่อจากแนวสะพาน (aligment surveying) ที่ก่อสร้างแล้วบางส่วน หากพบว่ายังได้แนวที่ถูกต้องอาจอนุญาตให้รื้อถอนคอนกรีตเฉพาะส่วนที่เสียหายเท่านั้น เนื่องจากเป็นการหล่อเป็นเนื้อเดียวกับฐานของสะพานซึ่งแข็งแรงมากอยู่แล้ว สำหรับตอม่ออื่นแนะนำให้รื้อถอนออกให้หมด พร้อมกับควรต้องส่งแผนการขนย้ายชิ้นส่วนคานสะพานรูปกล่องนี้ออกจากพื้นที่ มาตรการในการตรวจนับ และบันทึกร่วมกันในการจำแนกชื้นส่วนที่เสียหายนี้ออกจากชิ้นส่วนที่นำไปไว้ในโครงการ
          จากการตรวจสอบยังพบอีกว่ามีคานเหล็กรูปพรรณขนาดใหญ่พิงกับสะพานข้างเคียงที่ดำเนินการเสร็จแล้ว วสท. ได้แนะนำให้ผู้รับจ้างจัดทำการทดสอบ และเสนอรายงานเพื่อหาว่ามีการสูญเสียแรงดึงในกลุ่มลวดเหล็กอัดแรง (tendon) เนื่องอาจมีการเลื่อนหลุดของเทนดอนจากการถูกกระแทกด้วยองค์เหล็กรูปพรรณขนาดใหญ่หรือไม่ หากมีการสูญเสียแรงดึงอย่างมีนัยยะสำคัญ ควรพิจารณาทำการอัดแรงใหม่
          วสท.จะร่วมตรวจเอกสาร และรายงานต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้โครงการนี้สามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปโดยยังประโยชน์แก่สาธารณะด้านความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรมอย่างยั่งยืน"
วสท. ตรวจสอบชิ้นส่วนคานสะพานหล่อสำเร็จที่ร่วงหล่นและตอม่อที่เกิดเหตุ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในจ.พระนครศรีอยุธยา
วสท. ตรวจสอบชิ้นส่วนคานสะพานหล่อสำเร็จที่ร่วงหล่นและตอม่อที่เกิดเหตุ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในจ.พระนครศรีอยุธยา

ข่าววิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย+พระนครศรีอยุธยาวันนี้

AIT ส่งทีมวิศวกรเข้าร่วมสำรวจโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี เพื่อตรวจสอบโครงสร้าง ความแข็งแรงและความปลอดภัยของอาคารเรียน

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 วิศวกรจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้เข้าร่วมสำรวจอาคารเรียนในโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประเมินสภาพความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง และตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร ทั้งโครงสร้างหลัก เช่น เสา คาน ผนังรับแรงด้านข้างและพื้น รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของอาคาร เช่น ผนังก่ออิฐ ฝ้าเพดาน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 AIT ถือเป็นหนึ่งในองค์กรที่ให้ความร่วมมือภายใต้เครือข่าย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท

กทม. เร่งแก้ปัญหาโครงสร้างเชิงระบบ ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง เพิ่มความปลอดภัยประชาชน

นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาโครงสร้างเชิงระบบ ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างถนน สะพาน และอาคารในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อ...

คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจ... นักศึกษา เก่ง! สาขาวิศวกรรมโยธา ม.ศรีปทุม เข้ารับพระราชทานเหรียญรางวัลเรียนดี ประจำปี 2566 — คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยด้านวิศวกรรมศาสตร์...

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซันโกร (Sungrow) ผู้ผลิตอ... "ซันโกร" ร่วมกับ วสท. พัฒนาตลาดพลังงานหมุนเวียนไทยอย่างมั่นคงและปลอดภัย — เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซันโกร (Sungrow) ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์ (PV) และระบ...

ดร.ประทีป วงศ์บันฑิต รองผู้ว่าการวิจัยและ... วว. / BIM ร่วมผลักดันการทำงานระบบแบบจำลองสารสนเทศของไทยให้ทัดเทียมสากล — ดร.ประทีป วงศ์บันฑิต รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยวิ...

นางสาวอารียา เพ็งประเสริฐ ผู้อำนวยการเขตบ... เขตบางพลัดสั่งระงับใช้เครื่องเล่นที่เกิดอุบัติเหตุ ประสาน วสท.ร่วมตรวจสอบ — นางสาวอารียา เพ็งประเสริฐ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจ...