แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564)

          นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ โฆษกกระทรวงการคลังกฤษฎา จีนะวิจารณะ กันยายน กฤษฎา จีนะวิจารณะ56สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี กฤษฎา จีนะวิจารณะ56สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง - กฤษฎา จีนะวิจารณะ564) (แผนพัฒนาตลาดทุนฯ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีเหตุผลความจำเป็นและสาระสำคัญ ดังนี้ 

          เหตุผลความจำเป็น
          ตลาดทุนไทยมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้ประโยชน์ของภาคเศรษฐกิจจริงและภาครัฐที่เพิ่มขึ้นผ่านการระดมทุนในตลาดทุน ตลอดจนการเป็นช่องทางการออมและการลงทุนของภาคประชาชนในระยะที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ทิศทางของตลาดทุนโลกต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและความท้าทายในการแข่งขันที่มากขึ้นการเคลื่อนย้ายเงินทุนในตลาดเงินและตลาดทุนโลกที่เป็นไปอย่างเสรี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงกระแสการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคที่เป็นไปอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้การลงทุนและจัดหาเงินทุนมีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและไม่จำกัดเฉพาะในประเทศอีกต่อไป ทำให้นักลงทุนและผู้ระดมทุนมีโอกาสและทางเลือกที่จะมุ่งไปยังประเทศที่สามารถตอบสนองความต้องการและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

          สาระสำคัญ
          แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ คือ พัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถเข้าถึง แข่งได้ เชื่อมโยง และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 
          แผนตลาดทุนไทยได้กำหนดกรอบมาตรการหลัก 5 มาตรการ แบ่งเป็น โฆษกกระทรวงการคลัง4 มาตรการย่อย และแผนงานสนับสนุนอีก 44 แผนงาน โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ 
          มาตรการหลักที่ โฆษกกระทรวงการคลัง การเป็นแหล่งทุนสำหรับ SMEs และนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SMEs เช่น กลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) หรือกลุ่มผู้ที่มีความรู้ความคุ้นเคยเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเงินอย่าง Financial Technology (FinTech) ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม 
          มาตรการหลักที่ กฤษฎา จีนะวิจารณะ การเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้ตลาดทุนไทยสามารถเป็นช่องทางให้กับภาครัฐและเอกชนในการระดมทุนขนาดใหญ่ เช่น การเพิ่มรูปแบบการระดมทุนที่ให้ภาคเอกชนมีโอกาสหรือมีส่วนในการร่วมลงทุนกับภาครัฐ (Public Private Partnership: PPP) ในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรค และมีมาตรการเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขนาดของตลาดทุนไทย 
          มาตรการหลักที่ 3 การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย เพื่อทำให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งทุนด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้กับคู่แข่งในต่างประเทศ ตลอดจนดูแลให้ประชาชนมีโอกาสและทางเลือกในการเข้าถึงช่องทางลงทุนในต้นทุนที่เหมาะสมและได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอ ดังนั้น การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ประกอบ 4 ด้าน ได้แก่ 
          (โฆษกกระทรวงการคลัง) การส่งเสริมศักยภาพตลาดทุนไทย โดยการแก้ไขกฎหมายและกฎเกณฑ์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ประกอบธุรกิจ และจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 
          (กฤษฎา จีนะวิจารณะ) การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม ปรับปรุงกฎระเบียบ และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน ที่เป็นธรรม โดยส่งเสริมให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมในธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถพัฒนารูปแบบธุรกิจที่ตนต้องการได้ และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนผ่านการปรับปรุงกฎหมายและกฎกติกาต่าง ๆ เพื่อรองรับรูปแบบการทำธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นช่องทางให้บริการทางการเงิน 
          (3) การยกระดับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย ทั้งในเรื่องโครงสร้างและการตัดสินใจของ ตลท. การรองรับมาตรฐานสากล และประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ผ่านทางการปรับปรุงกฎหมายและกฎกติกาต่าง ๆ ตลอดจนพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อใช้วิเคราะห์การลงทุนในตลาดทุน 
          (4) การสร้างบุคลากรในตลาดทุน โดยการพัฒนาบุคลากรทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
          มาตรการหลักที่ 4 การพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาค โดยส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน เชื่อมโยง สามารถเป็นแหล่งระดมทุนสำคัญ ของภูมิภาค และมีผลิตภัณฑ์ในระดับภูมิภาคที่พร้อมรองรับการเป็นแหล่งลงทุนสำคัญสำหรับนักลงทุนทั่วโลกที่ต้องการลงทุนในภูมิภาค 
          มาตรการหลักที่ 5 การมีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุ ได้แก่ 
          (โฆษกกระทรวงการคลัง) การจัดให้มีผู้กำหนดนโยบายและกำกับดูแลระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุและการจัดให้มีระบบทะเบียนกลางด้านบำเหน็จบำนาญของประเทศ 
          (กฤษฎา จีนะวิจารณะ) การจัดให้มีระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบ 
          (3) การพัฒนาความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานของไทย 
          (4) การจัดให้มีกฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage)

          ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ในระยะ 5 ปีข้างหน้า มีดังนี้ 
          โฆษกกระทรวงการคลัง. ตลาดทุนจะเป็นกลไกระดมทุนที่สำคัญของภาครัฐและภาคธุรกิจทุกขนาด โดยภาคธุรกิจจะสามารถใช้ตลาดทุนไทยในการตอบสนองความต้องการด้านการระดมทุนได้ครบถ้วนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SMEs ที่สามารถเข้าถึงตลาดทุนได้สะดวกขึ้นผ่านช่องทางที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ตลาดทุนไทยจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสเข้าถึงเงินทุนและลดความเหลื่อมล้ำ
          กฤษฎา จีนะวิจารณะ. ตลาดทุนจะเป็นกลไกระดมทุนที่สำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีความพร้อมที่จะสนับสนุนภาคเศรษฐกิจจริงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขันและเป็นธรรมต่อผู้เล่นทุกระดับ ทั้งในด้านกฎหมาย กฎเกณฑ์ และภาษี รวมทั้งมีมาตรฐานสากลในทุกด้าน มีธรรมาภิบาล มีการแข่งขันที่เปิดกว้างและเป็นธรรม และมีต้นทุนในการระดมทุนที่แข่งขันกับตลาดชั้นนำในภูมิภาคได้ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้มูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์คิดเป็น โฆษกกระทรวงการคลัง.5 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) และมีมูลค่าตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนคิดเป็น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง.กฤษฎา จีนะวิจารณะ5 เท่าของ GDP 
          3. ตลาดทุนไทยจะมีความพร้อมในการเป็นแหล่งทุนของประเทศ CLMV และเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกที่สนใจลงทุนใน CLMV ได้หลากหลายสกุลเงินและรูปแบบสินทรัพย์ตามความต้องการของตลาด
          4. ตลาดทุนไทยจะมีความพร้อมด้านระบบโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ตลาดทุนไทยในการออมและลงทุนได้อย่างทั่วถึง ทำให้ประเทศมีความพร้อมรับมือกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ตลาดทุนไทยจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานทางการเงินที่เหมาะสม อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต

          นายกฤษฎาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนพัฒนาตลาดทุนฯ จัดทำโดยคณะกรรมการพัฒนา ตลาดทุนไทยที่แต่งตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 37กฤษฎา จีนะวิจารณะ/กฤษฎา จีนะวิจารณะ558 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม กฤษฎา จีนะวิจารณะ558 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรมสรรพากร สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ร่วมเป็นคณะกรรมการ และการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนฯ นี้ จะกำกับดูแลโดยคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยข้างต้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และต่อเนื่อง 

          สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 
          โทร. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะกฤษฎา จีนะวิจารณะ73 9สำนักงานเศรษฐกิจการคลังกฤษฎา จีนะวิจารณะสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ต่อ 3689 โทรสาร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะกฤษฎา จีนะวิจารณะ73 9987
 
 

ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง+โฆษกกระทรวงการคลังวันนี้

มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง SFIs และ บบส. (JV AMC) และมาตรการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกหนี้ตามนโยบายรัฐบาล

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 รับทราบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้คงค้างกับสถาบันการเงินเป็นระยะเวลานานโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) (Joint Venture Asset Management Company : JV AMC) ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ SFIs สามารถร่วมลงทุนจัดตั้ง บบส. และโอนหนี้บางส่วนของ SFIs ไปยัง JV AMC และเพิ่มความคล่องตัว

ผลการจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้"มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัด "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 18 ธันวาคม 2565 ณ...

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงา... สิ้นสุดโครงการเราชนะ สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 2.7 แสนล้านบาท — นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงก...

ขอเชิญชวนร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเชิญชวนร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ซึ่งเป็นโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ...

โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ลงทะเบียนวันแรกมีผู้ลงทะเบียนกว่า 20 ล้านคน

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ของประชาชน ที่เปิดให้ลงทะเบียน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นวันแรก ตั้งแต่...

ความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากทั่วประเทศ โดยความคืบหน้าล่าสุดของ...

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงา... การขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการเราชนะ — นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง...

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงา... ความคืบหน้าโครงการเราชนะและการขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขของโครงการเราชนะ — นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐาน...

ความคืบหน้าการเปิดจุดรับลงทะเบียนเพิ่มเติมแก่กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดจุดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ (โครงการฯ) เพิ่มเติมวันแรก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วย...

ความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะสำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกให้แก่ประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการเปิดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ (...