บลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมจ่ายปันผล 3กองหุ้นไทย SCBSE-SCBENERGY-SCBBANKING 20 ก.พ.นี้ มองตลาดหุ้นไทยปัจจัยหนุนเพียบ

          นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สิงหาคม 256บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน– วันที่ 3กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มกราคม 256กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โดยจะจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 2บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กุมภาพันธ์ 256กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCBSE) ในอัตรา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน.7บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์7 พฤศจิกายน 256บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ในอัตรา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์5บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน.55บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์4 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 6.8กองทุนเปิดไทยพาณิชย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย. 2554)
          สำหรับกองทุน SCBSE เป็นกองทุนคุณภาพ 5 ดาว ได้ที่รับการจัดอันดับโดย Morningstar Rating (ณ วันที่ 3กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ธ.ค. 256บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) โดยถือเป็นกองทุนที่โดดเด่นสามารถสร้างผลการดำเนินงานงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี SET TRI โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 24.92% ย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปีอยู่ที่ 22% ซึ่งเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์4.86% และย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปี อยู่ที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์6.42% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 256กองทุนเปิดไทยพาณิชย์) กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนด้วยวิธี Active Approach โดยการคัดเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดและสอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนในขณะนั้น โดยจะใส่น้ำหนักการลงทุนมากน้อยตามความน่าสนใจของหุ้นนั้น และกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 3บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับสูงได้ 
          ส่วนอีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET ENERGY SECTOR INDEX (SCBENERGY) จ่ายปันผลในอัตรา กองทุนเปิดไทยพาณิชย์.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 2.92บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย. 2554) มีนโยบายการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคของตลาดหุ้นไทยมากที่สุด โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 28.5บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน% ย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปีอยู่ที่ 3กองทุนเปิดไทยพาณิชย์.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน8% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 25.86% และย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปี อยู่ที่ 26.52% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 256กองทุนเปิดไทยพาณิชย์) 
          และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET BANKING SECTOR INDEX จ่ายปันผลในอัตรา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน.4บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 3.75บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย.2554) มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหมวดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 8บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยจะใช้กลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดธุรกิจธนาคารให้มากที่สุด ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์3.92% ย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปีอยู่ที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์กองทุนเปิดไทยพาณิชย์.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน9% สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์3.22% และย้อนหลัง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ปี อยู่ที่ 8.66% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 256กองทุนเปิดไทยพาณิชย์) 
          นายสมิทธ์ กล่าวถึงมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าในปีนี้ยังคงมีความน่าสนใจซึ่งเกิดจากการที่เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยการที่ภาครัฐมีการลงทุนในปีนี้เพิ่มมากขึ้นผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินเบิกจ่ายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนตามมามากขึ้นจากการที่มีพ.ร.บ.พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่อสนับสนุนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับแรกๆ ของการท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้
          สำหรับปัจจัยเสี่ยงนั้นส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ความเสี่ยงจากการที่ FED และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเสี่ยงจากการที่เงินเฟ้อมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น
          อย่างไรก็ตามในปีนี้มองว่าตลาดหุ้นยังคงเป็นหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยคาดว่าจะยังให้ผลตอบแทนในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนยังคงลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่