กรีนพีซเรียกร้องให้ลดการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาวะของโลก

          รายงานฉบับใหม่ของกรีนพีซ ระบุว่า ทั่วโลกต้องลดการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงครึ่งหนึ่งให้ได้ภายในปี กรีนพีซ59เกษตรกร เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เป็นหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีส หากไม่ทำอะไรเลย ประมาณการณ์ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรกรรมจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5กรีนพีซ ในอีกทศวรรษข้างหน้า โดยที่ร้อยละ 7ก๊าซเรือนกระจก จะมาจากการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรม 
          รายงานกรีนพีซระบุด้วยว่า การผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุที่ซ่อนเร้นของวิกฤตสุขภาพของคนทั่วโลก การบริโภคเนื้อแดงในปริมาณมากมีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอ้วน และ เบาหวาน ขณะที่คนนับล้านอาจมีอายุยืนขึ้นจากการเข้าถึงแหล่งอาหารที่มีพืชผักเป็นหลัก การผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมล้วนเกี่ยวข้องกับการดื้อยาปฏิชีวนะ ซึ่งองค์การอนามัยโลกประกาศว่า "เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข" และเป็นแหล่งของเชื้อโรคที่มากับอาหาร 
          บันนี แมคดิอาร์มิด ผู้อำนวยการบริหาร กรีนพีซสากล กล่าวว่า
          "ระบบอาหารของเรามีปัญหา รัฐบาลต่าง ๆ ยังคงสนับสนุนการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรม อันเป็นการกระตุ้นให้บริโภคเนื้อสัตว์มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่สุขภาพของเรา สุขภาพของลูกหลานเราและโลกของเราอยู่ในความเสี่ยง รัฐบาลควรสนับสนุนเกษตรกรรมเชิงนิเวศมากขึ้น เพื่อการผลิตอาหารที่มีประโยชน์และช่วยให้ผู้คนเข้าถึงอาหารที่มีพืชผักเป็นหลักได้ง่ายขึ้น
          ขบวนการเคลื่อนไหวระดับโลกที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ ๆ กำลังขยายตัวขึ้น เพื่อการบริโภคและการผลิตอาหารที่ดีและสอดคล้องกับตัวของเราและสิ่งแวดล้อมของเรา พวกเราสามารถทำให้ระบบอาหารของเราลดการพึ่งพิงการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรม และช่วยกันสร้างโลกที่ดีขึ้นเพื่อคนรุ่นต่อไป"
          กรีนพีซเริ่มงานรณรงค์ระดับโลกเพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการกินและการผลิตเนื้อเชิงอุตสาหกรรมอันเนื่องมาจากผลกระทบของการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมที่มีต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ สิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเรียกร้องให้มีการลดการบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงร้อยละ 5ก๊าซเรือนกระจก และมีการเพิ่มการผลิตและบริโภคอาหารที่มีพืชผักเป็นหลักภายในปี กรีนพีซ59เกษตรกร
          พีท สมิธ อดีตผู้เขียนหลักของรายงานการประเมินของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) กล่าวว่า "ความจำเป็นในการลดความต้องการในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมเป็นความเห็นตามกระแสหลักในทางวิทยาศาสตร์ การลดการบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้นที่จะทำให้เรามีระบบอาหารที่เหมาะสมกับอนาคต เป็นประโยชน์กับมนุษย์และกับโลกทั้งมวล การผลิตอาหารในรูปแบบที่เราบริโภคในปัจจุบันนี้ ไม่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ แม้ว่าเราจะพยายามทำอย่างยั่งยืนมากขึ้นก็ตาม เราทุกคนต้องปกป้องโลกเพื่อคนลูกหลานของเราในอนาคต"
          รายงานของกรีนพีซได้ตีแผ่ผลกระทบอื่น ๆ ที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วจากการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงหลายสิบปีมานี้ นับตั้งปี กรีนพีซ5อุตสาหกรรมเกษตรกรสัตว์ป่าสูญพันธุ์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ประชากรปศุสัตว์กลับเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว การผลิตปศุสัตว์ในปัจจุบันใช้พื้นที่ทั้งหมดในโลกถึงร้อยละ กรีนพีซ6 
          กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศล้มเลิกนโยบายสนับสนุนการผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรม แต่ให้ช่วยเกษตรกรให้หันไปทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศและทำปศุสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสม กรีนพีซยังเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศสนับสนุนให้ผู้คนเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์และมีพืชผักเป็นหลัก และเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อลดการบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลง เพื่อโลกที่มีสุขภาวะมากขึ้น
          " สิ่งที่เราเลือกกิน ไม่ว่าจะในฐานะปัจเจกชน หรือเป็นประชากรโลก คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่จะใช้ต่อกรกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำลายสิ่งแวดล้อม" บันนี แมคดิอาร์มิด กล่าวเพิ่มเติม
 
 
 

ข่าวก๊าซเรือนกระจก+อุตสาหกรรมวันนี้

กรมวิชาการเกษตร แปรรูปวัสดุเหลือทิ้งจากส้มโอเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตั้งเป้าต่อยอดสู่อุตสาหกรรมน้ำหอม และเครื่องสำอาง สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์

นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาผลไม้ที่ขนาดไม่ได้มาตรฐานหรือมีลักษณะที่ไม่สวยงามที่จะนำมาขายได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรต้องขายผลไม้เหล่านี้ในราคาที่ถูกลง หรือนำไปทำอาหารสัตว์ ทำปุ๋ย หรือปล่อยทิ้งไว้จนเน่าเปื่อยย่อยสลายเป็นขยะอาหาร ส่งผลให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซมีเทน ซึ่งมีศักยภาพในการทำให้โลกร้อน สูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ได้เล็ง

"กาแฟ" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนทั่ว... วว. พัฒนาเทคโนโลยีผลิตถ่านคาร์บอนจากของเหลือทิ้งกาแฟ สร้างอาชีพ พลังงานทดแทน ลดก๊าซเรือนกระจก — "กาแฟ" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลงใหล ด้ว...

"อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์" เข้ารับ... "อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์" เติบโตขึ้นอีกก้าว หลังผ่านเกณฑ์เครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน — "อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์" เข้ารับเครื่องหมายรับรอง...