สภาหอการค้าฯ-สภาอุตสาหกรรม-สถาบันอาหาร ชี้ส่งออกอาหารปี 62 เผชิญปัจจัยเสี่ยง ลุ้นโตตามเป้า 8.5%

          สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย//การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร โดย สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ และสถาบันอาหาร เผยข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารของไทยปี 256สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และแนวโน้มปี 2562 มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมให้รายละเอียดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 
          นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของ ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center โดยมีสภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ ร่วมบูรณาการข้อมูล พบว่า การส่งออกอาหารของไทยปี 256สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีมูลค่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย,สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย3สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย,956 ล้านบาท หรือมูลค่า 32,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย9สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย.6 และร้อยละ 7.3 ในรูปเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐตามลำดับ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 385,499 ล้านบาท หรือมูลค่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย,937 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย.2 และร้อยละ 6.2 ในรูปเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐตามลำดับ สินค้าส่งออกอันดับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังคงเป็นข้าว มีสัดส่วนส่งออกร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย7.5 มูลค่าส่งออก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย8สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย6 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ไก่ ร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย.7 มูลค่าส่งออก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย6 ล้านบาท อันดับที่ 3 ถึงอันดับที่ 5 คือ น้ำตาลทราย ปลาทูน่าปรุงแต่ง และกุ้ง สัดส่วน ร้อยละ 8.5, 7.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 5.7 ตามลำดับ กลุ่มสินค้าหลักที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 256สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีจำนวน 7 สินค้า ได้แก่ ข้าว(+8.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย%) ไก่ (+สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย3.4%) ปลาทูน่าปรุงแต่ง(+9.5%) แป้งมันสำปะหลัง(+33.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย%) เครื่องปรุงรส(+สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย2.5%) มะพร้าว(+สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย9.7%) และอาหารพร้อมรับประทาน(+สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย.6) ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง จำนวน 3 สินค้า ได้แก่ น้ำตาลทราย(-3.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย%) กุ้ง(-สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย2.7%) และสับปะรด(-27.8%)
          โดยมีญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกอาหารของไทยอันดับที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รองลงมา ได้แก่ จีน (อันดับ 2), เวียดนาม (4), อินโดนีเซีย (5), เมียนมาร์ (6), กัมพูชา (7), มาเลเซีย (8) และฟิลิปปินส์ (9) จะเห็นได้ว่าตลาดอาหารสำคัญของไทย 6 ใน 8 ประเทศตั้งอยู่ในภูมิภาคอาเซียน แต่หากพิจารณาในกลุ่มภูมิภาค 
          จะพบว่า อาเซียน เป็นตลาดส่งออกอันดับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ของไทย มีมูลค่าส่งออก 293,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย72 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 28.4 ของมูลค่าส่งออกอาหารทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ กลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ ร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย.8, อันดับ 3 แอฟริการ้อยละ 9.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อันดั บ 4 สหภาพยุโรป ร้อยละ 8.9 และอันดับ 5 โอเชียเนีย ร้อยละ 3.4 ทั้งนี้ หากคิดเฉพาะกลุ่มประเทศมุสลิม (OIC Country 57 ประเทศ) พบว่า มีมูลค่าส่งออก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย8สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,777 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย7.6
          "ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย2 ของโลก ปรับตัวดีขึ้น 2 อันดับ จากอันดับที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย4 ของโลกในปี 256สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยพิจารณาจากมูลค่าส่งออกอาหารในรูปดอลลาร์พบว่า ไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.36 จากร้อยละ 2.34 ในปีก่อนหน้า ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ บราซิล และจีน ต่างมีส่วนแบ่งตลาดโลกลดลง ส่วนประเทศผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญในภูมิภาคอย่างอินเดียและเวียดนาม ต่างก็มีส่วนแบ่งตลาดโลกลดลงเช่นกัน โดยอินเดียเป็นประเทศ
          ผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย3 ของโลก ตกลงมา 2 อันดับ ขณะที่เวียดนามเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย7 ของโลกดีขึ้น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อันดับ"
นายยงวุฒิ กล่าวต่อว่า แนวโน้มการส่งออกอาหารไทยปี 2562 คาดว่าจะมีมูลค่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย2สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 จากปี 256สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมีจำนวน 8 กลุ่ม ได้แก่ ไก่ ปลาทูน่าปรุงแต่ง กุ้ง มันสำปะหลัง เครื่องปรุงรส มะพร้าว สับปะรด และอาหารพร้อมรับประทาน ส่วนกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าวและน้ำตาลทราย โดยสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว ไก่ น้ำตาลทราย ปลาทูน่าปรุงแต่ง และกุ้ง
          สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในปี 2562 ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) การปลดล็อคใบเหลืองประมงไทยของสหภาพยุโรป ที่ทำให้ประเทศคู่ค้าเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าประมงไทยมากขึ้น 2) สินค้าอาหารของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดอาเซียน โดยเฉพาะ CLMV ที่สินค้าไทยครองตลาดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - 6สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งตลาดอาเซียนเดิมที่เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าจำพวกข้าว น้ำตาล มันสำปะหลัง อาหารแปรรูป รวมทั้งอาหารฮาลาล 3) ราคาพลังงานอยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ 4) การเมืองไทยมีความชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ โดยมีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน
          "ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) ความผันผวนการเมืองระหว่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ส่งกระทบทางอ้อมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้กำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อการจับจ่ายใช้สอยลดลงตามไปด้วย 2) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวตามทิศทางดอกเบี้ย Fed Fund rate ของสหรัฐฯ 3)การแข็งค่าของเงินบาท กระทบต่อสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นตลาดต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา รวมถึงรายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินบาทจะลดลง ทำให้ราคาสินค้าวัตถุดิบการเกษตรลดลงตามไปด้วย 4)รายได้ผู้บริโภคลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามภาวะเศรษฐกิจ และ 5)สหรัฐฯตัดสิทธิ GSP สินค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รายการ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่สินค้าไทยในกลุ่มดังกล่าวมีส่วนแบ่งตลาดเกินร้อยละ 5สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในตลาดสหรัฐฯ โดย 6 ใน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รายการ อยู่ในกลุ่มสินค้าอาหาร ประกอบด้วยทุเรียนสด มะละกอตากแห้ง มะละกอแปรรูป มะขามตากแห้ง ข้าวโพดปรุงแต่ง และผลไม้/ถั่วแช่อิ่ม"