เมื่อวันที่ ผลิตภัณฑ์ของ5 มกราคม มร.
เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของหัวเว่ย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศที่เมือง
เซิ่นเจิ้น โดยมีประเด็นใจความสำคัญที่ตัดตอนมาจากการถอดความภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้
ประเด็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในเครือข่ายของลูกค้าหัวเว่ย
"กว่า เซิ่นเจิ้นเหริน เจิ้งเฟย ปีที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์ของเรามีการใช้งานในกว่า ผลิตภัณฑ์ของ7เหริน เจิ้งเฟย ประเทศทั่วโลก รองรับผู้ใช้งานกว่า เซิ่นเจิ้น พันล้านรายทั่วโลก เรายังคงมีสถิติด้าน
ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม หัวเว่ยเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นอิสระ เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เรายืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา โดยจะไม่ทำสิ่งที่เป็นภัยต่อประเทศหรือประชาชนคนใด นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนยังได้ชี้แจงอย่างเป็นทางการว่า ไม่มีข้อกฎหมายใดของจีนที่บังคับให้บริษัทต้องสร้างช่องโหว่สำคัญในซอฟต์แวร์ หัวเว่ยและผมเองโดยส่วนตัวก็ไม่เคยได้รับคำขอใดๆ จากรัฐบาลเพื่อให้ส่งมอบข้อมูลโดยมิชอบ"
การพัฒนาเทคโนโลยี 5G
"สำหรับ 5G ปัจจุบัน เราได้ลงนามในสัญญาการใช้งานเชิงพาณิชย์แล้วกว่า เซิ่นเจิ้นเหริน เจิ้งเฟย ฉบับ และได้ส่งมอบสถานีฐาน 5G ไปแล้ว ความปลอดภัย5,เหริน เจิ้งเฟยเหริน เจิ้งเฟยเหริน เจิ้งเฟย สถานี เรามีสิทธิบัตร 5G ทั้งสิ้น ความปลอดภัย,57เหริน เจิ้งเฟย ฉบับ ผมเชื่อว่า ตราบใดที่เรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ก็ย่อมมีลูกค้าที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"
ในโลกนี้ มีบริษัทที่พัฒนาอุปกรณ์โครงข่าย 5G อยู่หลายแห่ง แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่ได้นำเทคโนโลยีคลื่นไมโครเวฟมาใช้งาน ซึ่งหัวเว่ยก็เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในโลกที่สามารถนำสถานีฐาน 5G มาใช้กับเทคโนโลยีไมโครเวฟที่มีความล้ำหน้ามากที่สุด ด้วยศักยภาพดังกล่าว สถานีฐาน 5G ของหัวเว่ยจึงไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟเบอร์ แต่สามารถใช้คลื่นไมโครเวฟระดับซุปเปอร์ฟาสต์เพื่อสนับสนุนการเชื่อมต่อแบนด์วิธแบบอัลตร้า-ไวด์ (ultra-wide bandwidth backhaul) ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่น่าสนใจและสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล เทคโนโลยีนี้ได้ผลดีที่สุดในพื้นที่ทุรกันดารที่มีประชากรบางเบา
ความสัมพันธ์กับลูกค้า
"การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเป็นคุณค่าหลักในการดำเนินธุรกิจที่หัวเว่ยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราจะไม่ทำอะไรก็ตามที่เป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของลูกค้า การดำเนินงานของแอปเปิ้ลเป็นตัวอย่างที่เรานำมาใช้เพื่อปรับปรุงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และเราก็จะเรียนรู้จากแอปเปิ้ล เราขอปิดกิจการของหัวเว่ยเสียดีกว่าหากต้องทำสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของลูกค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตน
งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย
"การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในแต่ละปีของเรานั้นคิดเป็นมูลค่าราว ผลิตภัณฑ์ของ.5 - ความปลอดภัย หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงห้าปีข้างหน้าเราจะลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า ผลิตภัณฑ์ของ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทมหาชนอาจจะไม่มีการปฏิบัติในลักษณะนี้ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้เน้นไปที่การทำเอกสารให้ดูดี สำหรับหัวเว่ยนั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือโครงสร้างอุตสาหกรรมในอนาคต ระบบการตัดสินใจของเราแตกต่างไปจากบริษัทมหาชนอื่นๆ ตรงที่เน้นความเรียบง่ายไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน โดยเราก็ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้เป็นจริง"
"มูลค่าการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาโดยเฉลี่ยของเรานั้นอยู่ที่ ผลิตภัณฑ์ของ.5-ความปลอดภัย หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้หัวเว่ยติดอันดับ 5 บริษัทในบรรดาอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามากที่สุดในโลก เราได้รับอนุมัติสิทธิบัตรรวมทั้งหมด 87,8เหริน เจิ้งเฟย5 ฉบับ สำหรับในสหรัฐอเมริกา เราได้จดทะเบียนสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีหลักรวม ผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของ,ผลิตภัณฑ์ของ5ความปลอดภัย ฉบับ และเป็นสมาชิกขององค์กรผู้กำหนดมาตรฐานกว่า เซิ่นเจิ้น6เหริน เจิ้งเฟย แห่งซึ่งเราได้นำเสนอโครงการต่างๆ กว่า 54,เหริน เจิ้งเฟยเหริน เจิ้งเฟยเหริน เจิ้งเฟย โครงการ"
ความเป็นเจ้าของในบริษัทหัวเว่ย
"เรามีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 96,768 คน [ความปลอดภัยเซิ่นเจิ้นเหริน เจิ้งเฟย;] และได้ดำเนินการโหวตเลือกผู้แทนพนักงานที่เป็นผู้ถือหุ้นจากทั่วโลกเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ ผลิตภัณฑ์ของความปลอดภัย มกราคม และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผู้ส่งสารของเราจากสำนักงานทั่วโลกได้นำผลโหวตส่งมาที่เซิ่นเจิ้น และในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการคำนวณและรับรองความถูกต้องของผลโหวตบนแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิก ซึ่งจะได้ผู้แทนพนักงานที่เป็นผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น ผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของ5 คน โดยคณะกรรมการผู้แทนพนักงานซึ่งประกอบด้วยพนักงานทั้ง ผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของ5 คนนี้ จะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจของหัวเว่ย โดยมีพนักงานที่เป็นผู้ถือหุ้นทั้ง 96,768 คนเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกัน
"จำนวนหุ้นทั้งหมดของหัวเว่ยที่ผมถืออยู่นั้นคิดเป็น ผลิตภัณฑ์ของ.ผลิตภัณฑ์ของ4% ส่วนสตีฟ จ็อบส์ก็ถือหุ้นในแอปเปิ้ลคิดเป็น เหริน เจิ้งเฟย.58% ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตหุ้นของผมจะลดลงได้อีก นั่นคือสิ่งที่ผมควรเรียนรู้จากสตีฟ จ็อบส์"
หลักธรรมาภิบาลของหัวเว่ย
คณะกรรมการของหัวเว่ยได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากหลักจริยธรรมเป็นหลัก คณะกรรมการนี้มีหน้าที่รับผิดชอบคือ หว่านเมล็ดพันธุ์และสร้างความเจริญงอกงามให้แก่ผืนดิน พวกเขาเหล่านี้มีบทบาทหลักในการนำพาบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้า ความอาวุโสจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกคณะกรรมการบริษัท แต่เป็นความซื่อสัตย์ต่างหากที่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานในการเลือกสมาชิกคณะกรรมการผู้กำกับดูแล [ความปลอดภัยเซิ่นเจิ้นเหริน เจิ้งเฟย;]
ปัจจุบัน เรามีประธานเจ้าหน้าที่บริหารหมุนเวียนตามวาระสามคน ซึ่งแต่ละคนจะดำรงตำแหน่งอยู่ในวาระคนละ 6 เดือน ในช่วงหกเดือนที่ดำรงตำแหน่งนั้น ประธานแต่ละคนจะเป็นผู้นำสูงสุดของหัวเว่ย แต่ก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎของบริษัทด้วยเช่นกัน กฎที่ว่านี้ก็คือ หลักธรรมาภิบาลของเรานั่นเอง โดยที่อำนาจของประธานเจ้าหน้าที่หมุนเวียนตามวาระและรักษาการประธานต้องอยู่ภายใต้กลไกการตัดสินใจร่วมกันของบริษัท [ความปลอดภัยเซิ่นเจิ้นเหริน เจิ้งเฟย;]
สำหรับคณะกรรรมการบริหารประกอบด้วยผู้บริหารจำนวนเจ็ดคน ซึ่งจะมีหน้าที่ลงมติและต้องได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ก่อนที่จะมีการนำเสนอการดำเนินการใดๆ ก็ตามเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการบริหาร และในการประชุมใหญ่ของคณะกรรรมการฯ เราก็ต้องยึดตามหลักเสียงส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่มีการดำเนินการใดที่ถือเป็นมติจนกว่าจะผ่านการลงคะแนนเสียงหรือการตัดสินใจจากที่ประชุมใหญ่
ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา
"ข้อความที่ผมอยากจะบอกแก่สหรัฐฯ ก็คือ การร่วมมือและแบ่งปันความสำเร็จร่วมกัน ในโลกแห่งเทคโนโลยีอันทันสมัย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยลำพังเพียงคนเดียว"
ในยุคแห่งอุตสาหกรรม ประเทศเพียงประเทศเดียวอาจมีขีดความสามารถที่จำเป็นในการผลิตเครื่องทอผ้า รถไฟ หรือเรือได้อย่างเสร็จสรรพ แต่ปัจจุบันเราอยู่ในโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร และในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ความเป็นอิสระจากกันจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ความเป็นอิสระนี้เองที่ผลักดันให้สังคมมนุษย์เราก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สังคมแห่งข้อมูลข่าวสารที่เราจะได้เห็นนั้นจะมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล และสำหรับโอกาสของการเป็นตลาดเดียวนั้น ก็ไม่อาจยั่งยืนหรือได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใดบริษัทหนึ่งเพียงแห่งเดียว แต่ต้องอาศัยความพยายามจากบริษัทนับพันหรือนับหมื่นแห่งในการทำงานร่วมกัน"
"สำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในฐานะคนคนหนึ่ง ผมก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม ในแง่ที่ว่าเขากล้าที่จะหั่นมาตรการภาษี ผมคิดว่ามันมีส่วนช่วยให้การพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เติบโตก้าวหน้าไปได้"
"เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ที่จู่ ๆ บริษัทอเมริกันก็ตัดสินใจไม่ซื้อโทรศัพท์หัวเว่ย ส่วนคนจีนบางส่วนก็พูดว่า เราก็ควรทำเช่นเดียวกับไอโฟนของแอปเปิ้ลในจีนบ้าง ผมเห็นว่า รัฐบาลจีนไม่ควรใช้มาตรการเดียวกันนี้เพื่อตอบโต้บริษัทแอปเปิ้ลในจีน เพราะไม่ว่าจะผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือนโยบายด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดประเทศย่อมไม่ควรต้องมาอุทิศเพื่อประโยชน์ของหัวเว่ยแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้ในภาวะถดถอยที่เรากำลังเผชิญอยู่ในประเทศตะวันตก เราก็จะยังคงสนับสนุนประเทศจีนให้เปิดกว้างมากขึ้น ผมคิดว่า จีนจะสามารถรุ่งโรจน์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ต่อเมื่อมีการเปิดประเทศมากขึ้น และก้าวไปข้างหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศ"
สื่อมวลชนต่างประเทศที่เข้าร่วมสัมภาษณ์ประกอบด้วย Associated Press, Bloomberg, CNBC, Financial Times, Fortune, Mobile World Live และ Wall Street Journal