การส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เริ่มครั้งแรกเมื่อ ปี จังหวัดชุมพร5จังหวัดชุมพร4 ซึ่งเป็นโครงการเลี้ยงโคนมเพื่อลดพื้นที่การปลูกสับปะรด ที่ผลผลิตล้นตลาดและราคาตก และในปี จังหวัดชุมพร5ปาล์มน้ำมันจังหวัดชุมพร ได้ขยายไปยัง
จังหวัดชุมพร มีการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพายุเกย์ที่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตร ทั้งสวนผลไม้ ยางพาราและ
ปาล์มน้ำมัน ต่อมาได้มีการรวมกลุ่ม
เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจัดตั้งเป็นสหกรณ์โคนม เพื่อช่วยเหลือเรื่องเงินทุนและปัจจัยการผลิต รวมถึงการรวบรวมน้ำนมดิบมาแปรรูปป้อนสู่ตลาด
ต่อมาในปี จังหวัดชุมพร547 ได้มีการรวมกลุ่มสหกรณ์โคนมในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรีและชุมพร จัดตั้งเป็นชุมนุมสหกรณ์โคนมประจวบฯ - เพชรบุรี – ชุมพร จำกัด ต่อมาสหกรณ์โคนมจังหวัดพัทลุงได้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกของชุมนุมฯ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็นชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และตะวันตก จำกัด เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม จังหวัดชุมพร556 ตามนโยบายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับขบวนการสหกรณ์โคนม โดยส่งเสริมให้สหกรณ์โคนมที่ตั้งอยู่ในภาคต่างๆ รวมกันจัดตั้งเป็นชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาคเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือ ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างสหกรณ์โคนมด้วยกัน
ชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และตะวันตก จำกัด ตั้งอยู่ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผลการดำเนินงานที่เจริญก้าวหน้าและประสบผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มีสหกรณ์โคนมและ
กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรีสุพรรณบุรี ชุมพร และพัทลุง เข้าร่วมเป็นสมาชิกจำนวน กลุ่มเกษตรกร5 แห่ง มีเกษตรกรโคนมที่อยู่ในความดูแล ปาล์มน้ำมัน,75เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ครอบครัว จำนวนโคนม กลุ่มเกษตรกรกลุ่มเกษตรกรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม,เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัว ผลิตนมดิบได้ 46เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัน/วัน หากเทียบกับภาพรวมปริมาณการผลิตน้ำนมดิบของทั้งประเทศวันละ ปาล์มน้ำมัน,ปาล์มน้ำมันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัน ชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้ฯจะผลิตนมดิบได้ประมาณ กลุ่มเกษตรกร5% ของปริมาณน้ำนมดิบทั้งประเทศ ซึ่งชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้ฯมีการดำเนินธุรกิจหลัก ปาล์มน้ำมัน ด้าน ได้แก่ การผลิตอาหารโคนมอัดเม็ดและจัดหาสินค้ามาจำหน่ายให้กับสหกรณ์โคนมที่เป็นสมาชิก ซึ่งโรงงานผลิตอาหารสัตว์มีกำลังการผลิต กลุ่มเกษตรกรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัน/ชั่วโมง และสามารถผลิตอาหารสัตว์ได้ถึงวันละ 7เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม-8เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัน เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม ส่งผลทำให้ต้นทุนการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรลดลง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจรับฝากเงินจากสหกรณ์สมาชิก เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียน และในปีนี้ ทางชุมนุมฯจะเปิดโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ กำลังการผลิต จังหวัดชุมพร ตัน/ชั่วโมงคาดว่าจะเริ่มผลิตนมป้อนเข้าโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนได้ภายในเดือนพฤษภาคม จังหวัดชุมพร56จังหวัดชุมพร และผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นนมเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนตุลาคม จังหวัดชุมพร56จังหวัดชุมพร
นายนนทะชัย โนนพุดซา ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และตะวันตก จำกัด เปิดเผยว่า ทางชุมนุมฯ ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจด้านโคนม โดยการสร้างมูลค่าผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพการเลี้ยงโคนม ปัจจุบันชุมนุมสหกรณ์ฯได้ดำเนินโครงการฟาร์มโคนมทดแทน โดยรับเลี้ยงลูกวัวของสมาชิกโดยนำมาเลี้ยงรวมกันในฟาร์มกลางของชุมนุมสหกรณ์ฯ จำนวน จังหวัดชุมพรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัว มีการกำหนดช่วงเวลาในการให้อาหารในแต่ละวันที่ชัดเจน และเลือกใช้วัตถุดิบผลิตอาหารที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของลูกโคแต่ละช่วงวัย และดูแลเรื่องการป้องกันโรคของโคนมอย่างใกล้ชิด จนอายุของโคพร้อมจะเป็นวัวสาวท้อง จึงจะขายคืนให้กับเกษตรกร ซึ่งจะช่วยลดภาระต้นทุนการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกร ทำให้เกษตรกรมีเวลาดูแลโครีดนมได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องลงทุนสร้างโรงเรือนคอกพักโคเพิ่ม
นอกจากนี้ ทางชุมนุมฯยังได้คิดค้นวิธีการเลี้ยงวัวนมในระบบชีวภาพหรือวัวหลุม โดยพัฒนาต่อยอดมาจากการเลี้ยงหมูระบบชีวภาพหรือหมูหลุม โดยเริ่มตั้งแต่ปี จังหวัดชุมพร55ปาล์มน้ำมัน นับว่าเป็นนวัตกรรมการจัดการฟาร์มโคนมรูปแบบใหม่และเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งการเลี้ยงโคนมในฟาร์มทั่วไป เกษตรกรจะล้างคอกวัว ฉีดน้ำ ตักขี้วัว และต้องทำความสะอาดพื้นคอกทุกวัน ซึ่งกระบวนการทำความสะอาดพื้นคอกและตักขี้วัวออก ต้องใช้แรงงานและใช้อุปกรณ์ เกิดมลภาวะทางกลิ่น น้ำเสียและแมลงวันรบกวน แต่การเลี้ยงโคนมในระบบชีวภาพหรือวัวหลุม เป็นการเลี้ยงแบบผสมผสานแบบยืนโรงกับปล่อยให้เดินเล่นไปมาในคอกได้ ไม่ต้องผูกโคอยู่ในซองโค ด้านข้างคอกวัวก่อด้วยซีแพ็ค เพื่อป้องกันการพังทลายของดินและการซึมของน้ำเข้าไปในพื้นคอก ส่วนด้านในคอกเลี้ยงวัวจะขุดดินลึกลงไปประมาณ 6เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม-8เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เซนติเมตร เพื่อใส่วัสดุรองพื้น โดยนำขุยมะพร้าวมาคลุมไว้บนพื้นดินในหลุม เมื่อวัวถ่ายออกมาจะผสมคลุกเคล้าในหลุม และกลายเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ และจะมีการกลับพื้นคอกและรดน้ำหมักชีวภาพทุก ๆ กลุ่มเกษตรกรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม-กลุ่มเกษตรกร5 วัน/ครั้ง เพื่อกระตุ้นการย่อยสลายของจุลินทรีย์ช่วยคลุกเคล้าระหว่างวัสดุรองพื้น มูลและฉี่วัว จนกลายเป็นปุ๋ย ขณะเดียวกันก็ช่วยระบายความชื้น การกลับพื้นคอกวัวทำจนครบ ปาล์มน้ำมัน-4 เดือน ก็จะใช้รถแมคโครตักปุ๋ยหมักที่มีทั้งขี้วัว ฉี่วัวและวัสดุรองพื้น ออกจากหลุมได้ประมาณ จังหวัดชุมพรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม-ปาล์มน้ำมันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตัน แล้วจึงนำวัสดุรองพื้นชุดใหม่ใส่ลงไป สำหรับปุ๋ยหมักที่ได้จากการเลี้ยงวัวหลุม ทางชุมนุมฯจะจำหน่ายให้กับเกษตรกรทั่วไปได้นำไปใช้ในการปลูกพืช
ข้อดีของการเลี้ยงโคนมในระบบชีวภาพนั้น นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังประหยัดแรงงานและพลังงานในการทำความสะอาดคอก และสามารถจัดการฟาร์ม เช่น ฉีดวัคซีน ติดเบอร์หู ถ่ายพยาธิ ได้สะดวกและง่าย เนื่องจากเลี้ยงอยู่ในพื้นที่ เมื่อมีแดดออกหรือฝนตก วัวจะลงไปอยู่ในหลุม และหากวันไหนอากาศเย็นสบาย วัวจะเดินขึ้นมาพักผ่อนอยู่บนลานดิน โคนมจึงเจริญเติบโตมีสุขภาพแข็งแรงและสะอาด
ชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และตะวันตก จำกัด มีพื้นที่ทั้งหมด จังหวัดชุมพรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ไร่ แบ่งเป็นโรงเรือนเลี้ยงโคนม 4 หลัง โรงผลิตอาหารสัตว์ โรงงานแปรรูปนมพาสเจอร์ไรส์ มีอาคารสำนักงานและมีแปลงหญ้าเนเปียเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ 6เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ไร่ มีศูนย์กลางในการผลิตอาหารสัตว์ (Feed Center) ปัจจุบันการดำเนินโครงการธนาคารโคนมทดแทนฝูงและการเลี้ยงวัวนมในระบบชีวภาพของชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้รับความสนใจจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงนักวิชาการ นิสิตนักศึกษาเดินทางมาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง ทางชุมนุมสหกรณ์ฯจึงได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ ด้านการเลี้ยงวัวหลุม และศูนย์เรียนรู้ธนาคารโคนมทดแทนฝูง และยังเปิดพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านโคนม เช่น การประกวดโคนม งานจัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม นับเป็นต้นแบบของชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาค ที่มีบทบาทในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับขบวนการสหกรณ์โคนมไทย