กระทรวงเกษตรฯ เข้มผู้เกี่ยวข้องการใช้ 3 สารเคมี ต้องผ่านการอบรมและมีใบอนุญาต พร้อมหนุนสินค้า GAP และอินทรีย์ หวังเกษตรกรผลิตอาหารที่ปลอดภัย ห่วงใยสุขภาพผู้บริโภค

          นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหา สารเคมีเกษตร และการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ว่า จากปัญหาการควบคุมการห้ามใช้สารเคมีอันตราย ซึ่งในระหว่างที่จะห้ามการใช้พาราควอต คณะกรรมวัตถุอันตรายได้มีแนวทางเสนอแนะให้กรมวิชาการเกษตร มีมาตรการควบคุมกำกับดูแลให้มีการใช้สารอย่างถูกต้องปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายทั้งกับเกษตรกร ประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้ กระทรวงเกษตร ฯ โดยกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการ ออกกฎหมาย (ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) 5 ฉบับ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด สินค้าเกษตรอินทรีย์8การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (หลังวันที่ กรมวิชาการเกษตรการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตุลาคม กรมวิชาการเกษตร56กรมวิชาการเกษตร) ซึ่งผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เกษตรกรผู้ใช้ ผู้รับจ้างพ่นสารเคมี ผู้ขาย ผู้นำเข้า หรือผู้ผลิต และพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามมาตรการขึ้นทะเบียน ผ่านการอบรม และขออนุญาตใช้หรือครอบครอง และมีใบอนุญาตให้บริการพ่นสารเคมี รวมทั้งผลักดันการศึกษาวิจัย หาสารหรือวิธีการทดแทนการใช้ 3 สาร จัดทำระบบฐานข้อมูลผู้นำเข้า ผลิต จำหน่ายและเกษตรกรผู้ใช้ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และฝึกอบรมเกษตรกรผู้ใช้ 3 สาร มีเป้าหมาย สินค้าเกษตรอินทรีย์.563 ล้านคน อบรมผู้รับจ้างพ่น และผู้พ่น ที่เป็นลูกจ้าง 5การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คน
          ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมการผลิตสินค้า GAP และอินทรีย์ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตอาหาร ปลอดภัย (Food Safety) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยมีสินค้าพืชผักและผลไม้ที่ผ่าน การรับรอง GAP รวม สินค้าเกษตรอินทรีย์54,การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สินค้าเกษตรอินทรีย์สินค้าเกษตรอินทรีย์ แปลง คิดเป็นพื้นที่ 754,8สินค้าเกษตรอินทรีย์สินค้าเกษตรอินทรีย์ ไร่ ทั้งนี้ มีการส่งออกกว่า 33สินค้าเกษตรอินทรีย์,656 ตัน มูลค่าการส่งออก สินค้าเกษตรอินทรีย์การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,474 ล้านบาท และมีเกษตรกรที่ผ่านการรับรองเกษตรอินทรีย์ จำนวน 65กรมวิชาการเกษตร,57การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไร่ ซึ่งการบริการตรวจและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรนั้น ได้ปรับระบบการรับรองมาตรฐานฟาร์ม เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยการสร้าง Q อาสา ร่วมกับมหาวิทยาลัยด้านการเกษตร 8 แห่ง พัฒนาหลักสูตรเตรียมความพร้อมผู้ตรวจประเมิน ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจรับรองและการออกเอกสารต่าง ๆ ด้วย.