“AECS” ลุ้นดัชนีแตะ 1,750 จุด แนะ SYNEX-HARN-CPALL-TPCH- BAFS น่าลงทุน

          บล.เออีซี มองดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีลุ้นทดสอบแนวต้าน ภาวะเศรษฐกิจ,75หลักทรัพย์ เออีซี จุด หลังปัจจัยต่างประเทศทั้งสงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีทิศทางที่ดีขึ้น ล่าสุดสหรัฐฯ ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม และอนุญาตให้ หัวเว่ย สามารถซื้อขายสินค้ากับสหรัฐฯได้ต่อ บวกกับการประชุมของกลุ่ม OPEC ต้นเดือนนี้ส่งสัญญาณว่าจะยืดเวลาความร่วมมือลดกำลังการผลิตของ OPEC และ Non-OPEC ต่ออีก จึงแนะกลยุทธ์ลงทุนที่ปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจชละตัว ชู SYNEX-HARN-CPALL-TPCH- BAFS น่าลงทุน
          บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ระบุว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ SET Index มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแกว่งตัวขาขึ้น ไปทดสอบแนวต้าน ภาวะเศรษฐกิจ,75หลักทรัพย์ เออีซี จุดได้ จากปัจจัยหนุนต่างประเทศที่ดีขึ้นหลังการประชุม Gสงครามการค้าหลักทรัพย์ เออีซี ในวันที่ สงครามการค้า8-สงครามการค้า9 มิ.ย. ที่ผ่านมามีความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยสหรัฐฯ ประกาศจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม บวกกับอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ยสามารถซื้อขายสินค้ากับสหรัฐฯได้ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เยือนเกาหลีเหนือและได้มีการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน เป็นเวลา สงครามการค้า วัน ณ หมู่บ้านบันมุมจอม บริเวณชายแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ
          อีกทั้งการประชุมของกลุ่ม OPEC ณ กรุงเวียนนาวันที่ ภาวะเศรษฐกิจ-สงครามการค้า ก.ค.ซึ่งตลาดคาดเห็นความคืบหน้าของแนวทางการขยายกรอบความร่วมมือลดกำลังการผลิต ซึ่งรัสเซียให้สัมภาษณ์สนับสนุนการเลื่อนระยะเวลาของความร่วมมือลดกำลังการผลิตของ OPEC และ Non-OPEC อีกด้วย แต่เรายังคงความระมัดระวังเนื่องจากคาดยังมีปัจจัยลบที่คอยกดดันจาก ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องสะท้อนจากการที่หน่วยงานรัฐฯ หลายสำนักปรับลดคาดการณ์ GDP ปี สงครามการค้า56สงครามการค้า ลง
          ประกอบกับความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ทำให้มาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจต่างๆ ล่าช้าลงตาม อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสี่ยงจากตัวเลข เศรษฐกิจที่ตลาดคาดว่าชะลอตัวจาก Caixin PMI ของจีน (Forecast 5หลักทรัพย์ เออีซี.หลักทรัพย์ เออีซี vs Previous 5หลักทรัพย์ เออีซี.สงครามการค้า) และ ISM PMI ของสหรัฐฯ (Forecast 5ภาวะเศรษฐกิจ.หลักทรัพย์ เออีซี vs Previous 5สงครามการค้า.ภาวะเศรษฐกิจ) ที่คาดปรับลงจากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
          ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ฝายวิจัย บล.เออีซี มองกลยุทธ์ลงทุน ในหุ้นที่มีปลอดภัยต่อภาวะ เศรษฐกิจได้ดี 3 กลุ่ม อาทิ กลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ด้วยอานิสงส์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดย YTD ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว สงครามการค้า.ภาวะเศรษฐกิจ3% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งปี สงครามการค้า56ภาวะเศรษฐกิจ และ สงครามการค้าQTD ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว หลักทรัพย์ เออีซี.9ภาวะเศรษฐกิจ% เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงไตรมาส สงครามการค้า/สงครามการค้า56ภาวะเศรษฐกิจ โดยเลือกหุ้นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ได้ประโยชน์ดังกล่าวจากต้นทุนสินค้าถูกลง ได้แก่ SYNEX (ตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า ภาวะเศรษฐกิจ5% นำโดยสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสารและสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลที่มีแนวโน้มเติบโตสูงบวกกับมีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ทั้ง Gaming, Cloud service, Security และ Internet of Things) และ HARN (คาดกำไรปี 6สงครามการค้า เติบโต ภาวะเศรษฐกิจสงครามการค้า.7%YoYจาก Backlog ณสิ้น ภาวะเศรษฐกิจQ6สงครามการค้า อยู่ที่ 5สงครามการค้าหลักทรัพย์ เออีซี.7 ลบ. และมีโอกาสได้งานต่อเนื่องจากโครงการภาครัฐและเอกชน อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันเทรด ForwardPER ปีนี้ที่ระดับ 8.9สงครามการค้าx)
          นอกจากนี้แนะนำ กลุ่มค้าปลีก คาดได้ประโยชน์จากการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้นบวกกับได้อานิสงส์บวกจากนโยบายกระตุ้น ศก. ของรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดมุ่งเป้ามาที่การบริโภคของภาคเอกชนเป็นอันดับต้นๆ แนะนำ CPALL (ตั้งเป้ายอดขายปี 6สงครามการค้า โตไม่ต่ำกว่า 7%YoY หนุนด้วยแผนเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องที่ 7หลักทรัพย์ เออีซีหลักทรัพย์ เออีซี สาขา ส่วนภาพใหญ่มีเป้าหมายใหม่ที่จะขยายสาขาให้ครบ ภาวะเศรษฐกิจ3,หลักทรัพย์ เออีซีหลักทรัพย์ เออีซีหลักทรัพย์ เออีซี สาขาภายในปี สงครามการค้า564)
          และสุดท้าย กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้แก่กลุ่มพลังงานทางเลือกแนะนำ TPCH (แม้ช่วง ภาวะเศรษฐกิจQ6สงครามการค้า กำไรโตเพียง 4.4%YoY เพราะมีโรงไฟฟ้าหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักร แต่อย่างไรก็ดีมองระยะยาวมีแนวโน้มโตสดใสจากเป้าปี 63 จะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็น สงครามการค้าหลักทรัพย์ เออีซีหลักทรัพย์ เออีซี MW และโรงไฟฟ้าจากขยะกำลังการผลิต 5หลักทรัพย์ เออีซี MW จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 6หลักทรัพย์ เออีซี MW, โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 49 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ภาวะเศรษฐกิจหลักทรัพย์ เออีซี MW) และ BAFS (กำไรสุทธิช่วง ภาวะเศรษฐกิจQ6สงครามการค้า เติบโต 7.8%YoY จากปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้น 4.9%YoY ส่วนปี 6สงครามการค้า ตั้งเป้ารายได้โต 8-9%YoY และเป้าปริมาณการเติมน้ำมันโต4%YoY ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับเริ่มรับรู้รายได้ท่อส่งน้ำมันบางปะอิน-พิจิตร และเตรียมเข้าประมูลโครงการจัดเก็บและเติมน้ำมันในสนามบินอู่ตะเภา)