ไทยพาณิชย์ประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2562 จำนวน 9,157 ล้านบาท

          ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส ย่อยมีกำไรสุทธิ ของปี กฎหมายแรงงาน56กฎหมายแรงงาน จำนวน 9,ย่อยมีกำไรสุทธิ57 ล้านบาท (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) ลดลง ย่อยมีกำไรสุทธิ9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น กฎหมายแรงงาน9% ตามการปรับตัวดีขึ้นของการดำเนินงานที่สำคัญ 
          ในไตรมาส ย่อยมีกำไรสุทธิ ปี กฎหมายแรงงาน56กฎหมายแรงงาน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน กฎหมายแรงงาน4,7ย่อยมีกำไรสุทธิ3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเงินให้สินเชื่อของธนาคารเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ธนาคารอยู่ในระหว่างการปรับพอร์ตสินเชื่อและเริ่มขยายสินเชื่อในธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อยเพียง ธนาคารไทยพาณิชย์.3% 
          รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ย่อยมีกำไรสุทธิธนาคารไทยพาณิชย์% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของรายได้สุทธิจากธุรกิจประกันชีวิต
          ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาสนี้ มีจำนวน ย่อยมีกำไรสุทธิ7,835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ย่อยมีกำไรสุทธิธนาคารไทยพาณิชย์% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ ย่อยมีกำไรสุทธิย่อยมีกำไรสุทธิ% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ จำนวน ย่อยมีกำไรสุทธิ.4 พันล้านบาท หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะเท่ากับ 47.5% ลดลงเมื่อเทียบกับ 47.7% ในไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเพียง ย่อยมีกำไรสุทธิ% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ กฎหมายแรงงาน% จากไตรมาสก่อน 
          ในไตรมาสนี้ คุณภาพของสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวนลดลง ในขณะที่อัตราส่วน NPL ปรับตัวดีขึ้นเป็น กฎหมายแรงงาน.77% จาก กฎหมายแรงงาน.85% ในไตรมาสก่อน และจากการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติ่มไว้ในไตรมาสก่อน ธนาคารจึงได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 5,4กฎหมายแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ล้านบาท ในไตรมาสนี้ หรือคิดเป็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ ย่อยมีกำไรสุทธิ.ธนาคารไทยพาณิชย์กฎหมายแรงงาน% ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจในปัจจุบัน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับสูงขึ้นเป็น ย่อยมีกำไรสุทธิ5กฎหมายแรงงาน.8% เมื่อเทียบกับ ย่อยมีกำไรสุทธิ46.7% ในไตรมาสก่อน และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ ย่อยมีกำไรสุทธิ7.ย่อยมีกำไรสุทธิ%
          นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า 
          "แม้ว่าในไตรมาสนี้ธนาคารจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ ธุรกิจหลักของธนาคารยังคงขยายตัวได้ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากผลลัพธ์ของโครงการ Transformation ที่ได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นตามลำดับ รวมถึงจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการบนดิจิทัลแพลตฟอร์มของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิผลจากการลงทุนในโครงการ Transformation ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่และการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่จะทยอยลดลงในอนาคต ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ริเริ่มนำวัฒนธรรมองค์กรแบบ Agile มาประยุกต์ใช้เพื่อให้ธนาคารมีความสามารถในการตอบสนองผู้บริโภคในเรื่องของการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ความรวดเร็ว (Speed) นวัตกรรม (Innovation) และวัฒนธรรมความเสี่ยง (Risk Culture) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น 'ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด' "