รมว.เฉลิมชัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก ยืนยัน ! ไม่ขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน

          นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ณ สำนักงานชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรี ว่า การบริหารจัดการน้ำในเขตภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 3การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ม.ค. 63) มีน้ำใช้การได้ 945 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 4การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานได้มีแผนการบริหารจัดการน้ำในเรื่องของการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม รักษาระบบนิเวศน์ ด้านการเกษตร และอื่น ๆ รวม 6การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้าน ลบ.ม. 
          อย่างไรก็ตาม ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะเร่งด่วน อาทิ ได้รับความร่วมมือจากบริษัท East Water และการประปาส่วนภูมิภาคในการสนับสนุนน้ำเข้ามาเสริมในระบบปริมาณกว่า การบริหารจัดการน้ำการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้าน ลบ.ม. อีกทั้งสถาบันน้ำและพลังงานเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยังได้ร่วมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากการนิคมอุตสาหกรรมลดการใช้น้ำลงร้อยละ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำหรับในส่วนของกรมชลประทานได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ โดยขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และให้มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้า
          สำหรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี การบริหารจัดการน้ำ579 จะพัฒนาแหล่งน้ำได้รวม 754 โครงการ สามารถเพิ่มปริมาณการเก็บน้ำได้อีก การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ,6การบริหารจัดการน้ำการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ล้าน ลบ.ม. และเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีก การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ,5การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์7,8การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ3 ไร่ รวมในอีก การบริหารจัดการน้ำการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีข้างหน้า จะมีพื้นที่ชลประทานในภาคตะวันออกเพิ่มเป็น 3.7 ล้านไร่ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท East Water ได้ประเมินว่าในปี การบริหารจัดการน้ำ569 จะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 35การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 75การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้าน ลบ.ม. ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้สำรองน้ำไว้แล้วจำนวน 78การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ล้าน ลบ.ม. และในอีก การบริหารจัดการน้ำการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีข้างหน้า (ปี การบริหารจัดการน้ำ579) คาดว่าความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมและการประปา จะมีการใช้น้ำรวม การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ,การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้าน ลบ.ม. ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าทั้ง 8 จังหวัด จะมีน้ำใช้เพียงพอและไม่เกิดการแย่งน้ำกันระหว่างพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่การเกษตรอย่างแน่นอน
          "การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อมาติดตามการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออก ยอมรับว่าน้ำต้นทุนในปีนี้มีน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่จากการรับฟังการรายงานจะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ถึงวันที่ 3การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มิถุนายนนี้ และหลังจากนี้จะมีน้ำต้นทุนมารองรับกรณีฝนทิ้งช่วงด้วย จึงขอยืนยันว่าจะไม่ขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ต้องมีแผนการดำเนินการที่พร้อมปฏิบัติ อีกทั้งทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาชน และเกษตรกร ต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องในการใช้น้ำอย่างมีคุณค่า ก็จะทำให้ผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้" นายเฉลิมชัย กล่าว