นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ โดยในรอบปี สถานการณ์ภัยแล้ง56สถานการณ์ภัยแล้ง ที่ผ่านมาประเทศไทยมีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งปีที่แล้วมีฝนตกทั้งปี อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร,34สถานการณ์ภัยแล้ง.6 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับปีที่แล้งมากคือ ปี สถานการณ์ภัยแล้ง558 มีฝนตก อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร,4อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร9.6 มิลลิเมตร จะเห็นได้ว่าปี สถานการณ์ภัยแล้ง56สถานการณ์ภัยแล้ง ฝนตกน้อยกว่า ปี สถานการณ์ภัยแล้ง558 และจากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยานับตั้งแต่ปี สถานการณ์ภัยแล้ง5สถานการณ์ภัยแล้ง3 เป็นต้นมา ยังพบว่า ปี สถานการณ์ภัยแล้ง56สถานการณ์ภัยแล้ง มีฝนตกน้อยที่สุดในรอบ 4อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ปี โดยเฉพาะฤดูฝนในช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา มีฝนตกทั้งประเทศเพียง อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร,อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูรอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร4 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูรสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งมีน้ำใช้การเหลือน้อยไม่เกินร้อยละ 3อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ของความจุอ่าง จำนวน อาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร4 แห่ง เมื่อฝนตกน้อยน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติก็มีเหลืออยู่น้อยเช่นกัน จึงไม่สามารถส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกตามปกติได้ แม้ระยะนี้จะมีฝนตกลงมาบ้างก็ตามแต่ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมการมาตั้งแต่ต้นฤดูแล้ง โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียน แจ้งข่าวเพื่อสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรได้ปรับตัวในภาคการผลิตและใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวมาได้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาในบางพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าปีนี้จะประกาศเข้าสู่ฤดูฝนประมาณปลายเดือนพฤษภาคม และอาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงได้ ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรจึงเร่งแจ้งเตือนเกษตรกรให้รับทราบสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะพืชที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 2 กลุ่ม คือ 1) การปลูกข้าวรอบที่ 2 เกรงว่าจะขาดแคลนน้ำได้เนื่องจากใช้น้ำมาก ซึ่งปีนี้คณะกรรมการวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้กำหนดพื้นที่การเพาะปลูกตามศักยภาพน้ำ มีแผนควบคุมพื้นที่การปลูกข้าวรอบที่ 2 ทั้งประเทศจำนวน 4.54 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 40 ของปีที่ผ่านมาที่ได้กำหนดพื้นที่แผนควบคุม 11.21 ล้านไร่ ปัจจุบันภาพรวมของประเทศมีการเพาะปลูกแล้ว 6.56 ล้านไร่ จึงเกินแผนควบคุมแล้ว ร้อยละ 44 ซึ่งขณะนี้มีการเก็บเกี่ยวไปแล้ว ร้อยละ 37 (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มี.ค. 2563) สำหรับพื้นที่ปลูกเกินแผนควบคุมไปค่อนข้างมากอยู่ในเขตลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูก 3.31 ล้านไร่ หรือร้อยละ 21.5 โดยเฉพาะในเขตชลประทานไม่มีแผนส่งน้ำให้ปลูกข้าว แต่มีผลการเพาะปลูกถึง 2.01 ล้านไร่ ทำให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมชลประทานต้องทำงานหนักมากในปีนี้ เพื่อประคับประคองน้ำในระบบชลประทานที่มีน้อยอยู่แล้วให้สามารถส่งน้ำไปรักษาระบบนิเวศน์ผลักดันน้ำเค็มและป้องกันน้ำเค็มรุกเข้าทำลายพืชสวน ซึ่งขณะนี้เกษตรกรในลุ่มเจ้าพระยาเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ร้อยละ 55 จึงได้ขอความร่วมมือไม่ให้ปลูกข้าวรอบที่ 3 ต่อเนื่องอีก
2) กล้วยไม้และไม้ผล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อาจเสี่ยงน้ำเค็มรุกเข้าสวนสร้างความเสียหายใน 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีพื้นที่เฝ้าระวัง 57,106 ไร่ แบ่งเป็น กล้วยไม้ 10,784 ไร่ และไม้ผล 46,322 ไร่ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรโดยให้คำแนะนำติดตามข้อมูลข่าวสารน้ำเค็ม ระมัดระวังเรื่องการปิดเปิดประตูน้ำเข้าพื้นที่สวน การดูแลรักษาความชื้นในสวน ลดการคายน้ำของพืช การปรับลดการใช้ปุ๋ยเพื่อลดความเค็มที่เข้าสู่ต้นพืช การสำรองแหล่งน้ำในสวนของตนเอง รวมทั้งให้ความร่วมมือกับระบบการผลักดันน้ำเค็มของระบบชลประทาน
นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังป้องกันเชิงรุกในพื้นที่ไม้ผลที่มีฝนตกน้อยกว่า 800 มิลลิเมตร ซึ่งได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม้ผลเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้เวลาปลูกนานกว่าจะให้ผลผลิต หากมีความเสี่ยงและตายจะทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบเสียโอกาสเรื่องรายได้ จึงได้สำรวจในพื้นที่จริงและประเมินพื้นที่ปลูกไม้ผลพื้นที่นอกเขตชลประทานใน 30 จังหวัด พบว่า จากพื้นที่ปลูก 2.66 ล้านไร่ มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำและอาจตายได้รวม 375,000 ไร่ โดยเฉพาะไม้ผลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง จำนวน 9 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง ลำไย ส้มโอ กล้วยหอม เงาะ ส้มเขียวหวาน มังคุด และลิ้นจี่ จึงได้ดำเนินการนำข้อมูลส่งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนจัดหาแหล่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกร และให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเข้าไปสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรในการดูแลรักษาสวนไม้ผลดังกล่าว ซึ่งผลการดำเนินงานได้มีการจัดหาน้ำเข้าไปเติมแหล่งน้ำในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำรวม 124,294 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 33 โดยกรมทรัพยากรน้ำ ส่วนการสร้างการรับรู้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้ให้คำแนะนำการดูแลรักษาสวนไม้ผลแก่เกษตรกร ดังนี้ การรักษาความชื้น ให้ใช้วัสดุคลุมโคนต้น คลุมแปลง และการปลูกพืชคลุมดิน ลดการคายน้ำของพืช เช่น การตัดแต่งกิ่ง การบังลม พรางแสง เป็นต้น ปรับปรุงวิธีการให้น้ำแก่พืช โดยเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เช่น การปรับเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเวลาหลีกเลี่ยงช่วงแสงแดดจัด เพื่อลดการระเหยของน้ำ การสร้างแหล่งน้ำในพื้นที่สวน เพื่อให้เกษตรกรเตรียมการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยในส่วนของกรมฯ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้านการเกษตร ปี 2563 ทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับกรม เขต และจังหวัด เพื่อรวบรวมและติดตามสถานการณ์ภูมิอากาศ น้ำ ผลกระทบและความเสียหายด้านการเกษตร รวมถึงจัดทำรายงานข้อมูลพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการประเมินสถานการณ์และการจัดการความเสี่ยงภัยแล้งในปีนี้
“อยากฝากถึงพี่น้องเกษตรกรโดยขอความร่วมมือที่จะไม่ปลูกข้าวรอบที่ 3 ต่อเนื่อง เพราะอาจขาดแคลนน้ำทำให้เกิดความเสียหายได้ ในส่วนของพื้นที่สวนใกล้แหล่งน้ำเค็มขอให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แม้ว่าปัจจุบันระบบการผลักดันน้ำเค็มยังควบคุมได้ แต่เนื่องจากน้ำมีน้อยมาก ภาครัฐต้องใช้หลายมาตรการทั้งการนำน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาช่วย การระวังไม่ให้มีการสูญเสียน้ำระหว่างทาง ดังนั้น เกษตรกรควรต้องเพิ่มการแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วยการสร้างแหล่งน้ำในพื้นที่ของตนเองให้ได้ รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในพื้นที่ไม้ผลควรมีแหล่งน้ำสำรองเช่นกัน หรืออาจจะปรับรูปแบบกิจกรรมการเกษตรให้เหมาะสมกับช่วงฤดูแล้ง เช่น การทำเกษตรผสมผสาน และเกษตรทฤษฏีใหม่ ที่จัดการพื้นที่ให้มีแหล่งน้ำในไร่นา เป็นต้น หากมีฝนตกลงมาให้หาทางเก็บกักน้ำ รักษาความชื้นให้ได้ ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทานอย่าเพิ่งเร่งทำการเพาะปลูก ขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เมื่อมั่นใจแล้วจึงดำเนินการในฤดูกาลผลิตใหม่ต่อไป” รองอธิบดีกล่าว
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรม"เกษตร อัจฉริยะ" ครั้งที่ 1 ประจำปี 2563 โดยมี นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย นายมนัส กำเนิดมณี ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการข้าว นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายครรชิต สุขเสถียร รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) นางสมรัก
กรมส่งเสริมการเกษตร เผยนวัตกรรมการปลูกองุ่นบนพื้นที่สูงสำหรับเกษตรกรสูงอายุ
—
กรมส่งเสริมการเกษตร เผยนวัตกรรมการปลูกองุ่นบนพื้นที่สูงสำหรับเกษตรกรสูงอายุ ...
รมช.เกษตรลงพื้นที่ศูนย์ข้าวชุมชน จังหวัดอุตรดิตถ์ สั่งขยายศูนย์ เพิ่มกำลังการผลิต เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ
—
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษต...
กรมส่งเสริมการเกษตร ติวเข้มเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดความรู้การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในระดับไร่นา
—
กรมส่งเสริมการเกษตร ติวเข้มเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำ...
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะเกษตรกรเตรียมพืชและระบบน้ำรับมือฝนทิ้งช่วง
—
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะเกษตรกรเตรียมพืชและระบบน้ำรับมือฝนทิ้งช่วง ชี้ชาวนาควรเลื่อนปลู...
'รมช.ประภัตร’ เปิดศูนย์บริการไก่ชุมชนตราด FC บ้านท่ากุ่ม ปลื้มผลิตอาหารสัตว์ลดต้นทุน 50% พร้อมแจงข้อผ่อนปรนโครงการกู้ล้านละร้อยช่วยเกษตรกร
—
นายประภัตร โพ...
“รมช.ประภัตร” ลุยเมืองจันท์ แก้ปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ช่วยชาวสวน
—
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรว...
กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าพัฒนาบุคลากร ในการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ new normal style
—
กรมส่งเสริมการเกษตร ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีประกอบการพัฒน...
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลเกษตรเตรียมดินปลูก ช่วยลดปัญหาวัชพืช
—
นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ก...
กรมส่งเสริมการเกษตร ประยุกต์ใช้พาราฟิลม์แทนพลาสติก เปลี่ยนยอดพันธุ์ดี “อะโวคาโด” ลดโลกร้อน
—
นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่า...