ธอส.เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2563 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 52,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.24%

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี ชื่อใหม่563 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 5ชื่อใหม่,5ธนาคารมียอดสินเชื่อ5 ล้านบาท 3ชื่อใหม่,47ชื่อใหม่ บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมียอดสินเชื่อ9.ชื่อใหม่4% เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน ชื่อใหม่ธนาคารมียอดสินเชื่อ,456 ราย ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ ธนาคารมียอดสินเชื่อ/ชื่อใหม่563 เทียบกับ ณ สิ้นปี ชื่อใหม่56ชื่อใหม่ ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น ธนาคารมียอดสินเชื่อ,ชื่อใหม่3ชื่อใหม่,ธนาคารมียอดสินเชื่อ45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ธนาคารมียอดสินเชื่อ.89% สินทรัพย์รวม ธนาคารมียอดสินเชื่อ,ชื่อใหม่8ชื่อใหม่,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์5% เงินฝากรวม ธนาคารมียอดสินเชื่อ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์38,57ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5ธนาคารมียอดสินเชื่อ% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 55,7ธนาคารอาคารสงเคราะห์5 ล้านบาท คิดเป็น 4.5ชื่อใหม่% ของยอดสินเชื่อรวม โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี ชื่อใหม่56ชื่อใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. อัตราดอกเบี้ย ชื่อใหม่.5% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง และอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ

ธอส.เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2563 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 52,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.24%

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ว่า ตามที่ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการชะลอตัวของเศรฐกิจโลก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศทุกภาคส่วน รวมถึงในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทย มีบ้าน” เพื่อสร้างความมั่นคงในสถาบันครอบครัว ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และทำให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เป็นจำนวน 52,515 ล้านบาท 32,472 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.24% ซึ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 21,456 ราย ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2563 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,232,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.89% สินทรัพย์รวม 1,282,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.05% เงินฝากรวม 1,038,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.51% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 55,705 ล้านบาท คิดเป็น 4.52% ของยอดสินเชื่อรวม จากสิ้นปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% หรือเพิ่มขึ้น 0.43% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 14.83% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสที่ 1 ยังคงเติบโตได้ คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านที่อยู่อาศัยของรัฐบาลที่ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2562 โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี 3 ปีแรก มียอดอนุมัติสินเชื่อถึงปัจจุบันจำนวน 44,000 ล้านบาท

“ปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการบริหารจัดการผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายได้ จะทำให้กำลังซื้อและบรรยากาศในการลงทุนจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ และด้วยปัจจัยพื้นฐานของธนาคารในปัจจุบันที่ยังมีความมั่นคงแข็งแกร่ง ทำให้ยืนยันได้ว่า ธอส. พร้อมเข้าไปมีบทบาทในการฟื้นฟูความเดือดร้อนของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และช่วยให้ประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง”นายฉัตรชัย กล่าว

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามนโยบายของ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการธนาคาร โดยนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร ที่มีนโยบายให้ ธอส. แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในด้านที่จำเป็นกับการดำรงชีวิต ด้วยการจัดทำ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ผ่าน 7 มาตรการที่ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางของธนาคารทั้งสถานะบัญชีปกติ สถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้ หรือสถานะบัญชีดอกเบี้ยผิดนัด หรือสถานะกฎหมาย ในทุกสาขาอาชีพรวมถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องในด้านสาธารณสุข และผู้ประกอบการ SMEs โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 13.00 น. พบว่ามีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าทั้ง 7 มาตรการแล้วเป็นจำนวนถึง 414,130 บัญชี วงเงินกู้ 412,452 ล้านบาท และภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่2-6 ในวันที่ 30 เมษายน 2563 ธนาคารจะประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบอีกครั้ง เพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ “คนไทยมีบ้าน” ตามพันธกิจของธนาคารต่อไป    


ข่าวธนาคารอาคารสงเคราะห์+ธนาคารมียอดสินเชื่อวันนี้

ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ผนึก ธอส. เปิดตัวสินเชื่อพิเศษ หนุนติดตั้ง Solar Roof ลดค่าไฟ ให้สิทธิประโยชน์ แลกคาร์บอนเครดิต เพิ่มโอกาสรักษ์โลก!!

ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกกำลังกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่พลังงานสะอาด เดินหน้าสนับสนุนการติดตั้ง Solar Roof ให้ทุกบ้านสามารถเข้าถึงพลังงานทางเลือกได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์การช่วยลดค่าไฟในระยะยาวและมุ่งสู่การเป็นสังคมไร้คาร์บอน สำหรับสินค้าและอุปกรณ์แผนกโซล่าเซลล์ของไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ได้รับความนิยมจากเจ้าของบ้านและผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนให้

ธอส. หนุนคนไทยมีบ้าน จัดงานมหกรรมบ้านมือส... ธอส. หนุนคนไทยมีบ้าน จัดงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. GHB ALL HOME EXPO 2025 ครั้งที่ 3 — ธอส. หนุนคนไทยมีบ้าน จัดงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. GHB ALL HOME EXPO 20...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ส่งเสริมให้คน... ลุ้นโชคใหญ่ทุกเดือน! กับ "สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดพิมานมาศ ปี 2568" — ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ส่งเสริมให้คนไทยมีวินัยในการออมเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเ...