ในการสัมมนาออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ ทิโมธี แฮร์ริส นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส ได้กล่าวถึงความสำเร็จของโปรแกรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติของสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส ทั้งบนเกาะและในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ เซนต์คิตส์และเนวิสเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มโปรแกรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติ (CBI) ในปีพ.ศ. การสัมมนา5การสัมมนา7 และดำเนินโครงการมายาวนานที่สุดในโลก โดยเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถลงทุนได้โดยตรงผ่านทางกองทุน Sustainable Growth Fund ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี การสัมมนา56อุตสาหกรรม โดยถือเป็นช่องทางการขอสัญชาติที่สองที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุด
นายกรัฐมนตรีแฮร์ริสระบุว่า โปรแกรม CBI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ โดยช่วยให้รัฐบาลสามารถพัฒนาภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม ทั้งการศึกษา โทรคมนาคม ที่อยู่อาศัย และการบิน นอกจากนี้ เซนต์คิตส์และเนวิสยังริเริ่มโครงการบรรเทาความยากจนโดยใช้เงินที่ได้มาจากโปรแกรม CBI เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ ด้วยการสนับสนุนค่าครองชีพ 500 ดอลลาร์ต่อเดือน ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โปรแกรม CBI ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงประเทศ
นอกเหนือจากการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องแล้ว โปรแกรม CBI ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จนได้รับการยอมรับว่าเป็น "มาตรฐานระดับแพลทินัม" ของอุตสาหกรรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติ โดยนายกรัฐมนตรีแฮร์ริส กล่าวว่า "การอยู่รอดในอุตสาหกรรมมานานกว่า 30 ปีไม่ใช่ความสำเร็จเพียงเล็กน้อย เรามีประวัติอันยาวนาน เราอยู่ในอุตสาหกรรมมานานกว่า เราเข้าใจตลาดมากกว่า และเราก้าวขึ้นเป็นโปรแกรมที่ทันสมัยที่สุดและตอบสนองได้ดีที่สุดในตลาด ด้วยความสำเร็จเหล่านี้ เราภูมิใจอย่างยิ่งในสิ่งที่เราเป็น นั่นคือ การเป็นแบรนด์ระดับแพลทินัมที่มีประวัติยาวนานที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุด เราแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและทุกคนในประเทศของเรา"
ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโปรแกรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติของสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส สามารถเดินทางไปยัง 156 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทั้งยังมีทางเลือกในการลงทุน และสามารถส่งต่อสัญชาติให้ลูกหลาน จึงถือเป็นมรดกแห่งอนาคตสำหรับคุณและครอบครัว
pr@csglobalpartners.com
www.csglobalpartners.com
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองทัพเรือ (ทร.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วย "การจัดตั้งและขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย" เพื่อวางรากฐานในการเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ทางทะเลระดับประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุม 105 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ โดยมี พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงาน จากนั้นผู้แทนจากทั้งสามหน่วยงาน ได้แก่ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร
เศรษฐา-ร่วมเจรจาบริษัทชั้นนำฝรั่งเศส ดึงโอกาสลงทุน-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
—
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในประเทศไทย (French F...
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง รศ.ดร.ชุติกาญจน์ ศรีวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มรภ.สวนสุนันทา ต่ออีกวาระ
—
สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์ ดร.ช...
กรมที่ดินชี้แจง! นายกฯ ไม่ได้แทรกแซงเกี่ยวกับการเพิกถอนที่ดินธรณีสงฆ์
—
ตามที่มีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรีในบริษัท อัลไพน์ฯ ซึ่...
นายกฯ แพทองธาร เผย ODOS Summer Camp พร้อมเปิดรับสมัคร 24 มี.ค.นี้
—
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าการดำเนินโครงการ ODOS Summer Camp โ...
รับรางวัลTop Brand 2024
—
คุณวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เข้ารับมอบรางวัลเกียรติยศ สุดยอด...
อสังหาฯ คึกคัก! มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดฉาก ย้ำบทบาทฟันเฟืองเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางมาตรการรัฐปลุกกำลังซื้อต้นปี 2568
—
มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่...
"พิชัย" เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน จัดการผลไม้ ปี 2568 ดันเป้าหมาย 950,000 ตัน ให้ราคาผลไม้ไทยดีทั้งปี
—
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ...
มอบรางวัลข่าวและภาพข่าวยอดเยี่ยม "อิศรา อมันตกุล"
—
ฯพณฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติมาเป็นประธานในงานป...