สอวช. เตรียมพร้อมส่งเสริมการพัฒนาวิจัย นวัตกรรม ช่วยเหลือประชาชน - SMEs พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย บีซีจี โมเดล

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สอวช.) เปิดเผยถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ "BCG Economy Model" ที่ถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ และจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศหลังการแพร่ระบาดของโควิด-กิติพงค์ พร้อมวงค์9 ว่า การดำเนินการขับเคลื่อนเกี่ยวกับบีซีจีนั้น สอวช. จะเข้าไปมีส่วนในการสนับสนุนเรื่องของนโยบาย โดยเริ่มจากการจัดลำดับความสำคัญว่าเรื่องไหนสำคัญอย่างไร จะต้องลงทุนอย่างไร ต้องมีการประสานงานในเชิงนโยบายกับหน่วยงานต่างๆ ที่จะเสริมสร้างเรื่องแรงจูงใจในการขับเคลื่อนในเชิงของการลงทุน อีกส่วนหนึ่งที่คิดว่าสำคัญอย่างมากคือเรื่องของการพัฒนากำลังคนที่จะมาสนับสนุนเรื่องของบีซีจี ซึ่งสอวช. ได้เข้าไปศึกษาในแง่ของความต้องการกำลังคน ว่าในแต่ละประเภทของธุรกิจหรืออุตสาหกรรม ต้องการคนกลุ่มไหน มีลักษณะอย่างไร รวมไปถึงการศึกษาว่าจะนำบีซีจี เข้าไปช่วยในการฟื้นตัวของประเทศหลังการแพร่ระบาดของโควิด-กิติพงค์ พร้อมวงค์9 ได้อย่างไร ที่สำคัญคือการรวบรวมข้อมูลการศึกษาในด้านกฎหมาย และหาแนวทางการปลดล็อกทางกฎหมายบางตัว ที่อาจมีส่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านบีซีจี

สอวช. เตรียมพร้อมส่งเสริมการพัฒนาวิจัย นวัตกรรม ช่วยเหลือประชาชน - SMEs พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย บีซีจี โมเดล

"ในด้านการฟื้นฟูประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื่อว่าโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี จะเป็นแนวทางในการช่วยฟื้นฟูประเทศได้ แต่การดำเนินงานส่วนหนึ่งต้องมีการปรับลำดับความสำคัญ โดยตามลักษณะพื้นฐานของโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องของโรคอุบัติใหม่ แล้วขณะนี้ก็กลายเป็นโรคอุบัติซ้ำ คือการเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายระลอก ทำให้เกิดผลกระทบหลายมิติตามมา ไม่ว่าจะเป็น มิติเรื่องสุขภาพ ที่กลายมาเป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อช่วยในเรื่องของระบบสุขภาพมากขึ้น อีกมิติหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อันเกิดจากผลกระทบของโควิด-19 ส่วนแรกคือเรื่องของการปิดตัวหรือขายของไม่ได้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการจ้างงาน สิ่งที่ อว. ได้ทำไปแล้วก็จะมีการจ้างงานชั่วคราว สร้างให้เกิดงานขึ้นในชุมชน และเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับชุมชนก็จะเชื่อมโยงไปถึงภาคเกษตร การท่องเที่ยว และบริการสุขภาพ อีกส่วนหนึ่งที่ต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนคือกลุ่มของ SMEs มีการลงเรื่องของงานวิจัยที่จะช่วยกลุ่ม SMEs ได้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงงานต้นแบบ เป็นต้น นอกจากนี้ สอวช. ยังคำนึงถึงประเด็นด้านความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นภายในประเทศ จึงเข้ามาศึกษาในด้าน Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มขึ้นด้วย" ดร.กิติพงค์ กล่าว

ในด้านบทบาทของภาคประชาชนและ SMEs ที่ต้องปรับตัวให้พร้อมสำหรับนโยบายบีซีจีดร.กิติพงค์ให้ข้อชี้แนะว่า กลุ่มเกษตรของจะต้องปรับตัวในเรื่องการใช้ Smart Farming หรือเกษตรอัจฉริยะ เรื่องของเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ เพื่อให้ผลผลิตออกมาได้มาตรฐานทุกครั้ง โดยเกษตรกรต้องเริ่มคิด เริ่มปรับตัว ส่วนทางฝั่งของรัฐเองก็จะเข้าไปสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของกลุ่ม SMEs ก็จะต้องปรับตัวแนวคิดใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเพิ่มเติมเข้าไปในการประกอบธุรกิจ

ปัจจุบัน สอวช. กำลังคิดที่จะทำแซนด์บอกซ์ ในกลุ่มนวัตกรรมบางอย่าง เช่น นวัตกรรมทางด้านเครื่องมือแพทย์ ที่ทำออกมาแล้วให้ได้มาตรฐาน และนำไปทดลองใช้ในโรงพยาบาลต่างๆ เมื่อเกิดการนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงค่อยนำไปขยายผลในการพัฒนาต่อเนื่องและเพิ่มจำนวนให้ตอบสนองต่อความต้องการ ด้านภาครัฐจะต้องมีตลาดเข้ามาช่วยสนับสนุนการซื้อในช่วงแรก เพื่อร่วมเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจ บีซีจีขึ้นในประเทศได้

ดร.กิติพงค์ ยังได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนและผู้ประกอบการว่า ทิศทางของบีซีจีเป็นทิศทางที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ประเทศไทยมี และภาครัฐได้พยายามเตรียมการอะไรหลายอย่างขึ้นมาในการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนหรือการทำวิจัยนวัตกรรม รวมถึงการปลดล็อกทางด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะในภาคส่วนที่เป็นเรื่องเกษตร เรื่องอาหาร เรื่องสุขภาพ เรื่องการแพทย์ เรื่องของพลังงาน เรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในประเทศ จึงต้องมีการเตรียมการในการทำงานอย่างเต็มที่ และมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องระยะยาวและต่อเนื่อง


ข่าวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ+กิติพงค์ พร้อมวงค์วันนี้

OR จับมือภาครัฐและผู้ประกอบการชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP ผ่านโครงการ 'ไทยเด็ด' มุ่งเสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมชนไทยอย่างยั่งยืน

OR ผนึกกำลังกับ 10 กระทรวงและผู้ประกอบการชุมชนกว่า 487 ราย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "พลิกโฉม OTOP ไทยสู่โลกออนไลน์และ Modern Trade" ขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP ผ่าน โครงการ "ไทยเด็ด" ในเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน ทั่วประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ชุมชน 200 ล้านบาทในปี 2568 พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไทยสู่การค้าสมัยใหม่อย่างยั่งยืน นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "พลิกโฉม OTOP ไทยสู่

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะที่ปรึกษาด้านการค้าต่าง... เศรษฐา-ร่วมเจรจาบริษัทชั้นนำฝรั่งเศส ดึงโอกาสลงทุน-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย — เมื่อเร็วๆ นี้ คณะที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในประเทศไทย (French F...

พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี ... พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข จัดงาน Oriental Wellness สุขภาพดี วิถีตะวันออก — พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกา...