สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ Creative Business Transformation ร่วมกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร เศรษฐกิจไทย5 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เข้ามาตอบโจทย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกลสู่สากล ผ่านงานเสวนาภายใต้หัวข้อ "Creative Economy Foresight & Transformation : อนาคตเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย" โดยตัวแทนวิทยากรจากหน่วยงานและเครือข่ายองค์กรพันธมิตร ที่เล็งเห็นความสำคัญของการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทย ที่ควรบูรณาการความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันอย่างครอบคลุม ใน 4 มิติหลัก ได้แก่ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจสร้างสรรค์ การขยายองค์ความรู้การจัดการธุรกิจสร้างสรรค์ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและแนวทางการลงทุนทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และแนวโน้มของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย
เปิดภาพอนาคตอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้ปาฐกถาในหัวข้อ "Creative Economy Foresight & Transformation" เผยให้เห็นถึงมูลค่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วโลกอยู่ที่ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยเติบโตจาก 10 ปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า สำหรับประเทศไทยล่าสุดอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท จึงเทียบเป็น 6.8% ของ GDP ซึ่งถือว่าสูงมาก รวมทั้งมีอัตราการเติบโต เฉลี่ยสะสม ในสภาวะปกติอยู่ที่ 5.7% มีการจ้างงานประมาณ 9 แสนคน และจากการร่วมลงนามความร่วมมือระหว่าง CEA กับอีก 15 หน่วยงานแล้ว CEA มีการตั้งเป้าว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะเติบโตขึ้นเพิ่มอีก 5% จากเดิมที่นับเป็น 6.8% จาก GDP
นอกเหนือจากการส่งเสริมสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หลัก อันได้แก่ 1. Creative Originals (กลุ่มรากฐานทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์) 2. Creative Content and Media (กลุ่มคอนเทนต์และสื่อสร้างสรรค์) 3. Creative Services (กลุ่มบริการสร้างสรรค์) 4. Creative Product (กลุ่มสินค้าสร้างสรรค์) และ 5. Related Industries (กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะเกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกยิ่งขึ้นนั้น ต้องสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าและบริการ อย่างการทำงานแบบ Cross industry collaboration จึงเป็นหนึ่งในแนวทางการเติบโตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการ และองค์กรต่าง ๆ ต้องวิเคราะห์ตัวเองถึงความพร้อมในการนำความคิดสร้างสรรค์ไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ โดยทาง CEA มีเครื่องมือ Creativity Maturity Assessments index ที่ช่วยวัดความพร้อมของบุคคล และองค์กร เพื่อชี้ให้เห็นถึงจุดต่าง ๆ ที่ต้องมีการพัฒนาเพิ่ม
สำหรับทิศทางของภาพอนาคตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประกอบไปด้วย 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. Cultural value added การนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนคุณค่าของความหลากหลายทางวัฒนธรรม เน้นให้เกิดตลาดใหม่เฉพาะกลุ่ม 2. Sustainability Rebalanced การนำแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการประกอบธุรกิจแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในการบริโภคและการผลิตมากขึ้น 3. Technological Blending for Every Scale การผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับทุกแง่มุมของชีวิตที่จะพลิกโฉมขอบเขตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 4. Prosperity Downturn ที่อาจจะมีการ Collapse ในบางอุตสาหกรรมเมื่อเศรษฐกิจเติบโต ซึ่งจากภาพอนาคตดังกล่าวทำให้เกิดการวางแนวทางการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับ 15 เครือข่ายพันธมิตรในความร่วมมือ Creative Business Transformation
กลยุทธ์สร้างเครือข่าย การขาย การตลาด
เริ่มต้นการเสวนาในหัวข้อ ความร่วมมือด้านเครือข่ายธุรกิจชุมชน องค์ความรู้การจัดการธุรกิจ และการขายและการตลาด โดยมี กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย, วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมเสวนานั้น ต่างให้มุมมองที่น่าสนใจในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายการรับรู้องค์ความรู้การจัดการธุรกิจ ที่เน้นการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพด้วยการ Reskill/Upskill ให้กับบุคลากร/ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงานตลอดจนผู้บริหาร การเพิ่มความต้องการทางการตลาดและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ได้กว้างขึ้น เพื่อกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์/บริการจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ คุณอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ยังได้กล่าวถึงความสำคัญในการขยายเครือข่าย พัฒนา และเสริมความรู้ด้านการจัดการธุรกิจสร้างสรรค์ที่ให้แก่กลุ่มธุรกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ OTOP ว่า "กรมการพัฒนาชุมชนได้นำภูมิปัญญาที่มีอยู่ของแต่ละชุมชนมาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสร้างรายได้ โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่าง CEA ให้มีการต่อยอดทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การจัดจำหน่าย กลุ่มลูกค้าฯลฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าและขยายตัวของอุตสาหกรรม ซึ่งความยั่งยืนทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อภาครัฐช่วยสนับสนุน เอกชนช่วยขับเคลื่อน และประชาชนต้องลงมือทำ"
การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ต่อมาในหัวข้อ ความร่วมมือด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่มาร่วมพูดคุยประเด็นนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับชุมชนในการผลิตสินค้า/บริการที่ตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ก็สามารถยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้
คุณชาญ กุลภัทรนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ด้วยสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การนำเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่อย่าง AI, Robotics หรือแม้แต่ Digitalization ก็สามารถใช้ยกระดับสร้างสรรค์ผลงานด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ผ่านแพลตฟอร์ม หรือคอมมูนิตี้ได้ สำหรับความร่วมมือกับ CEA ทำโครงการ Content Lab ให้นักสร้างสรรค์ได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีประกอบผลงานสร้างสรรค์ โครงการ Technology Fun เดินสายให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานในอนาคต และโครงการศิลปกรรม ปตท. แบบ Virtual Gallery ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทาง ปตท.ทำเป็นเสมือน Backbone ที่อยู่เบื้องหลังในการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ผ่านเทคโนโลยี และเครื่องมือต่าง ๆ"
แหล่งเงินทุน ปัจจัยสำคัญหนุนการสร้างสรรค์ให้เติบโต
ในหัวข้อความร่วมมือด้านการเข้าถึงแหล่งทุน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank), สินวัฒนา คราวด์ฟันดิ้ง, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่มาร่วมเสวนาต่างมีความเห็นตรงกันในการสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านการเข้าถึงแหล่งทุนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมความรู้และทักษะทางการเงินให้ผู้ประกอบการ การเสนอทางเลือกที่หลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์และโปรแกรมทางการเงินที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจสร้างสรรค์ รวมถึงโอกาสในการการแสวงหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ และการเข้าถึงแหล่งทุนที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจสร้างสรรค์อย่างคราวด์ฟันดิ้ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการสร้างระบบนิเวศทางการเงินสำหรับธุรกิจสร้างสรรค์แบบครบวงจร
คุณชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กล่าวเสริมว่า "แนวทางความร่วมมือในการยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยสำหรับผู้ประกอบการนั้นมี 2 ปัจจัยหลักที่ควรพัฒนาและลงทุน ได้แก่ 1.Infrastructure การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และด้านโลจิสติกส์ 2.Working Capital เงินทุนหมุนเวียน ที่เป็นเงินทุนสำรองระยะสั้นสำหรับธุรกิจ โดยทาง EXIM Bank พร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการทุก ๆ ด้าน โดยผู้ประกอบการสามารถนำผลงานของธุรกิจมาสร้างวงเงินในลักษณะของ Working Capital เพื่อเติมโอกาสและเติมเงินทุนในการสร้างสรรค์ผลงานทั้งคอนเทนต์ สื่อสร้างสรรค์ รวมทั้งสินค้าและบริการได้อย่างไม่มีสะดุด"
พลังแห่ง Creative Content ไทยสร้าง Soft power ไปไกลสู่ตลาดโลก
สุดท้าย สำหรับหัวข้อ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มีการแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าด้านคอนเทนต์ได้อย่างน่าสนใจ ได้แก่ บริษัท เน็ตฟลิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด, สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงไทย, สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ, สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย โดยเน้นความสำคัญว่า ครีเอทีฟคอนเทนต์นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยที่มีศักยภาพในการสร้าง Soft Power สูงสุด ทั้งในรูปแบบของการถ่ายภาพยนตร์และซีรีส์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ ก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ รวมถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาในกลุ่มอุตสาหกรรมดนตรี เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมดนตรีของไทยได้รับผลตอบแทนจากการสร้างสรรค์ผลงานอย่างยุติธรรมและก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งคอนเทนต์คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก หากแต่ต้องการสนับสนุนจากภาครัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเดินไปด้วยกันในการผลักดันให้คอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล
ดร.ศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา บริษัท เน็ตฟลิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในแง่การเติบโตของตลาดบริการสตรีมมิง และการผลิตคอนเทนต์ ดังนั้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ของไทย เราจึงควรให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างทักษะบุคลากรในวงการ โดยเน็ตฟลิกซ์เองได้มีการจัดฝึกอบรมบุคลกรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มครีเอเตอร์ หรือบุคลากรในสายงาน Post Production โดย Post Production Workshop ของเราก็ได้รับการอนุเคราะห์โดย CEA นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์ ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึง CEA เพื่อส่งเสริมนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล โดยที่ผ่านมา มีการร่วมกับ CEA, ททท. และ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดทำ Uncover Thailand : A Creative Travel Guide ผ่านเว็บไซต์ www.thailandtravelmap.com ที่นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรม ผ่านการตามรอยภาพยนตร์และซีรีส์จากเน็ตฟลิกซ์ที่ถ่ายทำในประเทศไทย เราเชื่อว่าการดำเนินงานและโครงการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย และช่วยเผยแพร่ soft power ของไทยไปสู่สายตาชาวโลกได้"
จากงานเสวนาครั้งนี้ เห็นได้ว่าภาพอนาคตด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยล้วนต้องมาจากความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ทุกมิติล้วนมีผลต่อการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่หัวใจสำคัญคือการที่คนไทยด้วยกันเห็นความสร้างสรรค์ของคนไทยด้วยกัน และพร้อมช่วยกันผลักดันเพื่อให้คนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยสร้างผลงาน ผลิตภัณฑ์ บุคลากร เพื่อให้ก้าวสู่ตลาดโลกได้
OR ผนึกกำลังกับ 10 กระทรวงและผู้ประกอบการชุมชนกว่า 487 ราย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "พลิกโฉม OTOP ไทยสู่โลกออนไลน์และ Modern Trade" ขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP ผ่าน โครงการ "ไทยเด็ด" ในเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน ทั่วประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ชุมชน 200 ล้านบาทในปี 2568 พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไทยสู่การค้าสมัยใหม่อย่างยั่งยืน นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "พลิกโฉม OTOP ไทยสู่
เศรษฐา-ร่วมเจรจาบริษัทชั้นนำฝรั่งเศส ดึงโอกาสลงทุน-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
—
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในประเทศไทย (French F...
มหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ (SMU) ผนึกกำลังจุฬาฯ และมช. หนุนสตาร์ทอัพและธุรกิจด้านเทคโนโลยีของไทยขยายสู่ตลาดอาเซียน
—
พร้อมสนับสนุนให้ผู้หญิงก้าวเป็นผู้น...
TFM โชว์วิชั่นผู้นำอาหารสัตว์น้ำ เดินหน้ากลยุทธ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำ
—
TFM โชว์วิชั่นผู้นำอาหารสัตว์น้ำ เดินหน้ากลยุทธ์ขับเ...
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมจัด 15 งานใหญ่ ตั้งเป้ารายได้ 1,600 ล้านบาท ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้จัดงานแสดงสินค้าในอาเซียน
—
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไท...
พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข จัดงาน Oriental Wellness สุขภาพดี วิถีตะวันออก
—
พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกา...